ไฟไหม้ จัดว่าเป็นภัยอันตรายร้ายแรง และสร้างความเสียหายไม่มากก็น้อย ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของระดับเพลิงไหม้ วัสดุเชื้อเพลิง และระยะเวลาการเผาไหม้ และมักจะสร้างความเสียหายจนขยายเป็นวงกว้างโดยเฉพาะเมื่อเกิดเพลิงไหม้โรงงานและอุตสาหกรรมที่มักจะมีวัสดุเป็นเชื้อเพลิงชั้นดี และสิ่งที่เลวร้ายที่สุดก็คงหนีไม่พ้น การเสียชีวิตของพนักงาน จากเหตุการณ์ไฟไหม้ อันเนื่องมาจากการไม่รู้วิธีเอาตัวรอดจากไฟไหม้ หรือขั้นตอนการอพยพหนีไฟ ดังนั้น แผนฝึกซ้อมอพยพหนีไฟจึงเป็นสิ่งสำคัญมากที่พนักงานภายในองค์กรต่าง ๆ จะต้องทราบ เพราะไม่มีใครสามารถคาดการณ์ได้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้เมื่อไร และการซ้อมหนีไฟจะเป็นการป้องกันและลดความสูญเสียจากอัคคีภัยได้เป็นอย่างดี
การซ้อมอพยพหนีไฟประจำปีคืออะไร
การซ้อมอพยพหนีไฟ คือ การเตรียมความพร้อมในการรับมือเมื่อเกิดเหตุไฟไหม้ในสถานประกอบกิจการตามที่องค์กรตั้งเอาไว้ โดยกิจการในทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น บริษัท องค์กร โรงงานอุตสาหกรรม หรือแม้แต่ที่อยู่อาศัยในตึกสูงที่มีคนอยู่จำนวนมาก และมักเข้าถึงยากในการเข้าทำการดับเพลิง เพื่อให้ทุกคนได้ทราบถึงการป้องกันและระงับเหตุอัคคีภัยตามมาตรฐาน และบางแห่งอาจมีการอบรมให้ความรู้ถึงวิธีการใช้ถังดับเพลิงให้ถูกต้อง และการปฐมพยาบาลเบื้องต้น เพื่อช่วยชีวิตผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ไฟไหม้
ทำไมการจัดอบรมดับเพลิงถึงมีความสำคัญ
1. เพื่อให้เข้าใจถึงสาเหตุและการป้องกันอัคคีภัย
เพลิงไหม้ในอาคารมักจะเกิดการลุกลามได้ง่าย จากโครงสร้างบางอย่างและวัสดุเชื้อเพลิงที่ติดไฟได้ง่ายที่มักจะถูกเก็บไว้ในอาคาร เช่น กระดาษ พลาสติก ไม้ สารเคมีที่ไวไฟ เป็นต้น ผู้เข้าอบรมจึงต้องทำความเข้าใจว่าวัสดุแบบใดที่ไม่ควรเก็บสะสมไว้ในอาคาร เพื่อลดความเสี่ยงต่อการลุกลามของเพลิงไหม้
2. สามารถประเมินสถานการณ์และเอาตัวรอดจากไฟไหม้ได้
คนส่วนใหญ่ที่ไม่เคยผ่านการอบรม หรือมีการซักซ้อมหนีไฟมาก่อน มักจะตื่นตระหนกตกใจและทำอะไรไม่ถูกเมื่ออยู่ในสถานการณ์ไฟไหม้ หรือเมื่อต้องติดอยู่ภายอาคารที่ไฟกำลังลุกไหม้ ส่งผลให้ไม่สามารถควบคุมสติตนเองจนไม่สามารถหลบหนีออกจากที่เกิดเหตุและเสียชีวิตในที่สุด
ดังนั้น การพอพยพหนีไฟออกจากอาคารจำเป็นต้องได้รับการฝึกซ้อมอย่างถูกต้องและเหมาะสมต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะการเคลื่อนย้ายคนจำนวนมากออกจากอาคารพร้อมกันจะมีความโกลาหล และอาจเกิดการได้รับบาดเจ็บจากการปะทะกับผู้อื่น หรือได้รับอันตรายจากควันไฟที่สูดดมเข้าไปทำให้หมดสติจนไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ ดังนั้นการได้รับการอบรม และได้มีการซ้อมหนีไฟจะช่วยให้เข้าใจและรู้วิธีการเอาตัวรอดได้อย่างปลอดภัย
3. เข้าใจหลักการทำงานและสามารถใช้อุปกรณ์ระงับเหตุอัคคีภัยได้อย่างถูกต้อง
นอกจากการอบรมในภาคความรู้แล้ว ภาคปฏิบัตินอกจากการซ้อมหนีไฟที่สำคัญอีกประการ คือ การฝึกใช้งานอุปกรณ์ดับเพลิง เพื่อใช้ในการระงับเหตุอัคคีภัยขั้นต้นได้ เช่น การเรียนรู้ระบบการทำงานของอุปกรณ์ดับเพลิง ว่าทำงานอย่างไร ทำงานเมื่อไร วิธีการใช้อุปกรณ์ดับเพลิงที่ถูกต้อง อาทิ การใช้สายส่งน้ำดับเพลิง (ที่มักจะมีอยู่ในตู้ดับเพลิงที่ทางอาคารจัดเตรียมไว้) และการฝึกดับเพลิงในระดับเบื้องต้น ที่สามารถทำได้ด้วยตนเอง เพื่อระงับเหตุก่อนลุกลามสู่ระดับรุนแรง เป็นต้น
ควรจัดอบรมและฝึกซ้อมอพยพหนีไฟเมื่อใด
สำหรับสถานประกอบกิจการที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป หรืออาคารสำนักงาน และอาคารสูงสำหรับที่พักอาศัย จะต้องมีการซ้อมหนีไฟปีละ 2 ครั้ง หรืออย่างน้อย 1 ครั้ง / ปี และถ้ากรณีที่มีการปรับปรุง หรือปรับเปลี่ยนโครงสร้างในบางจุดของอาคาร ที่ส่งผลต่อแผนการป้องกันและระงับเหตุอัคคีภัย นายจ้างหรือเจ้าของอาคาร จะต้องจัดอบรมระบบดับเพลิงให้กับทุกคนในอาคารอีกครั้ง เพื่อปรับปรุงข้อมูลของแผนผังอาคาร และปรับเปลี่ยนแผนการหนีไฟเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินให้ทราบโดยทั่วกัน
ขั้นตอนการซ้อมอพยพหนีไฟ
- จำลองสถานการณ์ไฟไหม้ ด้วยการเปิดเสียงกริ่งเตือนภัย
- อพยพทุกคนในอาคารด้วยช่องทางต่าง ๆ เพื่อมายังจุดรวมพล
- สำรวจจำนวนพนักงาน หรือคนในอาคารทั้งหมด ว่าครบหรือไม่
- อาจมีการฝึกปฏิบัติการปฐมพยาบาลด้วย
ถ้าไม่มีการซ้อมอพยพหนีไฟ ผิดกฏหมายหรือไม่
ตามพระราชบัญญัติความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. 2554 ได้ระบุไว้ว่า หากหน่วยงานราชการ หรือสถานประกอบการที่ไม่มีการซ้อมดับเพลิงและอพยพหนีไฟ จะมีความผิดตาม พ.ร.บ. และมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 400,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ รวมไปถึงโครงการบ้านจัดสรร ที่อยู่อาศัยอาคารสูง คอนโด ที่ไม่มีการฝึกซ้อมหนีไฟจะถือว่า กระทำผิดกฏหมาย เช่นกัน
ดังนั้นไม่ว่าจะหน่วยงานราชการ องค์กรเอกชน สถานประกอบกิจการต่าง ๆ จึงต้องมีการฝึกซ้อมอพยพหนีไฟประจำปี และการเตรียมพร้อมในการรับมือเมื่อเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ เพื่อเป็นการทำความเข้าใจเมื่อเกิดสถานการณ์จริงจะต้องปฏิบัติตนอย่างไร เพื่อไม่ให้เกิดความโกลาหลและช่วยลดความสูญเสียจากเหตุอัคคีภัยได้อย่างสูงสุด