Sec Live News https://seclivenews.com/ บทความ Digital Marketing จากเว็บไซต์ Sec Live News เป็นข้อมูลที่มีประโยชน์ ให้ความรู้เกี่ยวกับการตลาด ไม่ว่าจะเป็น Analytics, Planning, Trends. Wed, 13 Dec 2023 02:50:20 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5 https://seclivenews.com/wp-content/uploads/2022/10/cropped-favicon-32x32.png Sec Live News https://seclivenews.com/ 32 32 214822657 อายุเท่าไรเข้าผับได้ อายุ 18 เข้าผับได้ไหม https://seclivenews.com/2023/12/13/%e0%b8%ad%e0%b8%b2%e0%b8%a2%e0%b8%b8%e0%b9%80%e0%b8%97%e0%b9%88%e0%b8%b2%e0%b9%84%e0%b8%a3%e0%b9%80%e0%b8%82%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%9c%e0%b8%b1%e0%b8%9a%e0%b9%84%e0%b8%94%e0%b9%89-%e0%b8%ad%e0%b8%b2/ Wed, 13 Dec 2023 01:35:19 +0000 https://seclivenews.com/?p=7017 นักท่องราตรีควรรู้และจำไว้เพื่อจะได้ไม่เกิดปัญหาทำผิดกฏหมาย เข้าผับอายุไม่ถึง 20 เข้าร้านเหล้า โทษของตัวบุคคลถูกปรับและอาจติดคุก ส่วนเจ้าของสถานบริการถือว่าทำผิดกฏหมายและมีโทษเช่นกัน  โดยกฏหมายห้ามเข้าผับในประเทศไทยที่ยังคงใช้อยู่ปัจจุบัน มีด้วยกัน 2 ฉบับ คือ มาตราที่ 16 และ มาตราที่ 29 ซึ่งเป็น พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี และ พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เกี่ยวข้องกับข้อกำหนดการจำหน่ายเครื่องดื่ม และข้อห้ามของอายุในการเข้าใช้บริการสถานที่บันเทิง ซึ่งมีใจความดังนี้  พระราชบัญญัติสถานบริการ พ.ศ. 2509 มาตรา 16 กำหนดไว้ว่า ห้ามเจ้าของสถานบริการจ้างพนักงานที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์ เข้าทำงานในสถานบริการ และในมาตรา 16/1 ได้กำหนดอายุผู้เข้าใช้บริการสถานบันเทิง “ห้ามมิให้ผู้รับอนุญาตตั้งสถานบริการ ให้ผู้ที่อายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ เข้าไปในสถานบริการระหว่างเวลาทำการ” ซึ่งสอดคล้องกับมาตรา 29 พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 กำหนด “ห้ามมิให้ผู้ใดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้แก่บุคคลที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์” ด้วยเหตุนี้ สถานที่บริการและแหล่งให้ความบันเทิงทุกแห่งจึงต้องมีการตรวจบัตรประชาชน หรือเอกสารที่ทางราชการอออกให้ …

The post อายุเท่าไรเข้าผับได้ อายุ 18 เข้าผับได้ไหม appeared first on Sec Live News.

]]>
นักท่องราตรีควรรู้และจำไว้เพื่อจะได้ไม่เกิดปัญหาทำผิดกฏหมาย เข้าผับอายุไม่ถึง 20 เข้าร้านเหล้า โทษของตัวบุคคลถูกปรับและอาจติดคุก ส่วนเจ้าของสถานบริการถือว่าทำผิดกฏหมายและมีโทษเช่นกัน 

โดยกฏหมายห้ามเข้าผับในประเทศไทยที่ยังคงใช้อยู่ปัจจุบัน มีด้วยกัน 2 ฉบับ คือ มาตราที่ 16 และ มาตราที่ 29 ซึ่งเป็น พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี และ พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เกี่ยวข้องกับข้อกำหนดการจำหน่ายเครื่องดื่ม และข้อห้ามของอายุในการเข้าใช้บริการสถานที่บันเทิง ซึ่งมีใจความดังนี้ 

พระราชบัญญัติสถานบริการ พ.ศ. 2509 มาตรา 16 กำหนดไว้ว่า ห้ามเจ้าของสถานบริการจ้างพนักงานที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์ เข้าทำงานในสถานบริการ และในมาตรา 16/1 ได้กำหนดอายุผู้เข้าใช้บริการสถานบันเทิง “ห้ามมิให้ผู้รับอนุญาตตั้งสถานบริการ ให้ผู้ที่อายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ เข้าไปในสถานบริการระหว่างเวลาทำการ” ซึ่งสอดคล้องกับมาตรา 29 พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 กำหนด “ห้ามมิให้ผู้ใดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้แก่บุคคลที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์”

nightlife people having fun bars clubs

ด้วยเหตุนี้ สถานที่บริการและแหล่งให้ความบันเทิงทุกแห่งจึงต้องมีการตรวจบัตรประชาชน หรือเอกสารที่ทางราชการอออกให้ ก่อนจะให้ผ่านเข้าไปในสถานที่นั้น ๆ เพราะถ้าหากตำรวจหรือสายตรวจเข้าทำการตรวจ และพบเยาวชนที่มีอายุต่ำกว่าเกณฑ์ไม่ว่าจะเป็นในฐานะลูกค้าหรือลูกจ้าง หรือแม้แต่มากับผู้ปกครองก็ตาม ถือว่าเจ้าของผับทำผิดกฏหมาย 

  • โทษของผู้ฝ่าฝืนกฏหมายมาตรา 29 พ.ร.บ. ควบคุมแอลกอฮอล์ จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท หรือทังจำทั้งปรับ  
  • โทษของผู้ฝ่าฝืน มาตรา 26  พ.ศ. 2546 พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 3 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 

นอกจากนี้ สถานที่ให้บริการอาจถูกระงับ สั่งปิดกิจการ หรืองดให้บริการอย่างน้อยตามที่กฏหมายกำหนด คือ ครั้งละไม่เกิน 90 วัน 

friends clinking drink glasses modern bar
friends clinking drink glasses modern bar

พ.ร.บ. สถานบริการ พ.ศ. 2509 เป็นกฏหมายควบคุมสถานประกอบกิจการ สถานบริการ ไม่ให้มีการประกอบธุรกิจผิดกฏหมาย เช่น การค้าประเวณี การเล่นการพนัน การค้ายาเสพติด และป้องกันไม่ให้เป็นแหล่งมั่วสุมของเยาวชน ซึ่งผู้ประกอบกิจการสถานบริการจะต้องมีการขอใบอนุญาตและทำการต่ออายุทุกปี หากสถานที่ให้บริการใดยินยอมหรือปล่อยให้เยาวชนหรือผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 20 เข้าไปในสถานบันเทิงของตน จะมีความผิดตามข้อกฏหมาย และอาจถูกสั่งพักใบอนุญาตการประกอบกิจการ ไม่ให้ต่ออายุ หรือสั่งปิดกิจการถาวร ดังนั้น เจ้าของผับหรือแหล่งให้ความบันเทิงต้องระมัดระวังให้มาก ตรวจสอบผู้เข้าใช้บริการอย่างเคร่งครัด รวมถึงการว่าจ้างงานพนักงานในร้านด้วยเช่นกัน 

w644

ส่วนผู้ที่ต้องการไปใช้บริการในฐานะลูกค้า ก็อย่าทำผิดกฏหมายการเข้าผับ ส่วนเยาวชนก็ควรรอให้อายุถึง 20 ปีก่อน จะได้เที่ยวอย่างสนุกและสบายใจ ไม่ทำผิดกฏหมาย ไม่เสียค่าปรับ และอย่าพยายามปลอมแปลงเอกสาร โกงอายุเพื่อได้เที่ยวนะ เพราะถ้าถูกจับ โดนหลายกระทงแน่ ๆ ผิดทั้งเรื่องอายุต่ำกว่าเกณฑ์ และผิดกฏหมายปลอมแปลงเอกสาร โทษหนักนะคะ 

The post อายุเท่าไรเข้าผับได้ อายุ 18 เข้าผับได้ไหม appeared first on Sec Live News.

]]>
7017
ย้อนยุคไปกับแม่หญิงการะเกด เราคือชนชั้นไหนในระบบสังคมไทยสมัยอยุธยา พร้อมสรุประบบการปกครองเมืองกรุงศรีฯ แบบรวบรัด https://seclivenews.com/2023/11/01/%e0%b8%a2%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%99%e0%b8%a2%e0%b8%b8%e0%b8%84%e0%b9%84%e0%b8%9b%e0%b8%81%e0%b8%b1%e0%b8%9a%e0%b9%81%e0%b8%a1%e0%b9%88%e0%b8%ab%e0%b8%8d%e0%b8%b4%e0%b8%87%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3/ Wed, 01 Nov 2023 05:24:56 +0000 https://seclivenews.com/?p=7009 เชื่อว่าช่วงนี้ คนไทยหลายคนเริ่มหันมาให้ความสนใจกับประวัติศาสตร์ไทยอีกครั้ง หลังจากที่ออเจ้าหรือแม่นายการะเกด จากละครย้อนยุคอิงประวัติศาสตร์ไทยในสมัยอยุธยา เรื่อง พรหมลิขิต ซึ่งเป็นภาคต่อจาก บุพเพสันนิวาส ซึ่งมีตัวละครหลักที่คอยเดินเรื่อง และตัวละครเสริมอื่น ๆ เพิ่มเนื้อหาให้ละครมีสีสันและสนุกมากขึ้น ซึ่งบทบาทตัวละครในเรื่องก็มีตั้งแต่เจ้านาย ชาวบ้าน ไปจนถึงข้าทาส ที่ดูไปก็แอบงงเล็กน้อย เพราะวิชาความรู้ประวัติศาสตร์ที่เคยได้ร่ำเรียนมา คืนตำราและครูอาจารย์ไปเสียสิ้น วันนี้เลยจะมาชวนออเจ้าทั้งหลายทบทวนระบบชนชั้นสังคม และเศรษฐกิจสมัยอยุธยากันเสียหน่อย ช่วยให้เข้าใจเนื้อหา ได้ความรู้ผ่านตัวละครทุกบท เพิ่มอรรถรสในการชมยิ่งขึ้นค่ะ เริ่มสถาปนากรุงศรีอยุธยา  ก่อนยุคอยุธยา กรุงสุโขทัยเป็นเมืองใหญ่ที่มีเมืองขึ้นมากมาย รวมถึงเมืองอู่ทอง จนกระทั่งกรุงสุโขทัยเริ่มเสื่อมอำนาจลงในราว ๆ ปี พ.ศ.1893 ทำให้หัวเมืองต่าง ๆ เริ่มแข็งข้อ พระเจ้าอู่ทองได้สะสมกองกำลังและนำผู้คนที่อาศัยบริเวณลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาตอนกลางและตอนล่าง แยกตัวอิสระจากสุโขทัย แล้วสถาปนากรุงศรีอยุธยา โดยตั้งราชธานีบริเวณหนองโสนหรือบีงพระราม (จังหวัดพระนครศรีอยุธยาในปัจจุบัน) และมีพระเจ้าอู่ทองเป็นปฐมกษัตริย์ในราชวงศ์อู่ทอง ทรงพระนามว่า สมเด็จพระรามาธิดีที่ 1 ครองราชย์กรุงศรีอยุธยานานถึง 20 ปี  ทำไมพระเจ้าอู่ทองทรงเลือกตั้งราชธานีที่หนองโสน  เนื่องจากทรงเล็งเห็นถึงประโยชน์ในด้านยุทธศาสตร์ การคมนาคม และดีต่อเศรษฐกิจ เพราะบริเวณดังกล่าวมีลักษณะเป็นเกาะ มีแม่น้ำล้อมรอบ 3 สาย ได้แก่ …

The post ย้อนยุคไปกับแม่หญิงการะเกด เราคือชนชั้นไหนในระบบสังคมไทยสมัยอยุธยา พร้อมสรุประบบการปกครองเมืองกรุงศรีฯ แบบรวบรัด appeared first on Sec Live News.

]]>
เชื่อว่าช่วงนี้ คนไทยหลายคนเริ่มหันมาให้ความสนใจกับประวัติศาสตร์ไทยอีกครั้ง หลังจากที่ออเจ้าหรือแม่นายการะเกด จากละครย้อนยุคอิงประวัติศาสตร์ไทยในสมัยอยุธยา เรื่อง พรหมลิขิต ซึ่งเป็นภาคต่อจาก บุพเพสันนิวาส ซึ่งมีตัวละครหลักที่คอยเดินเรื่อง และตัวละครเสริมอื่น ๆ เพิ่มเนื้อหาให้ละครมีสีสันและสนุกมากขึ้น ซึ่งบทบาทตัวละครในเรื่องก็มีตั้งแต่เจ้านาย ชาวบ้าน ไปจนถึงข้าทาส ที่ดูไปก็แอบงงเล็กน้อย เพราะวิชาความรู้ประวัติศาสตร์ที่เคยได้ร่ำเรียนมา คืนตำราและครูอาจารย์ไปเสียสิ้น วันนี้เลยจะมาชวนออเจ้าทั้งหลายทบทวนระบบชนชั้นสังคม และเศรษฐกิจสมัยอยุธยากันเสียหน่อย ช่วยให้เข้าใจเนื้อหา ได้ความรู้ผ่านตัวละครทุกบท เพิ่มอรรถรสในการชมยิ่งขึ้นค่ะ

เริ่มสถาปนากรุงศรีอยุธยา 

ก่อนยุคอยุธยา กรุงสุโขทัยเป็นเมืองใหญ่ที่มีเมืองขึ้นมากมาย รวมถึงเมืองอู่ทอง จนกระทั่งกรุงสุโขทัยเริ่มเสื่อมอำนาจลงในราว ๆ ปี พ.ศ.1893 ทำให้หัวเมืองต่าง ๆ เริ่มแข็งข้อ พระเจ้าอู่ทองได้สะสมกองกำลังและนำผู้คนที่อาศัยบริเวณลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาตอนกลางและตอนล่าง แยกตัวอิสระจากสุโขทัย แล้วสถาปนากรุงศรีอยุธยา โดยตั้งราชธานีบริเวณหนองโสนหรือบีงพระราม (จังหวัดพระนครศรีอยุธยาในปัจจุบัน) และมีพระเจ้าอู่ทองเป็นปฐมกษัตริย์ในราชวงศ์อู่ทอง ทรงพระนามว่า สมเด็จพระรามาธิดีที่ 1 ครองราชย์กรุงศรีอยุธยานานถึง 20 ปี 

ทำไมพระเจ้าอู่ทองทรงเลือกตั้งราชธานีที่หนองโสน 

เนื่องจากทรงเล็งเห็นถึงประโยชน์ในด้านยุทธศาสตร์ การคมนาคม และดีต่อเศรษฐกิจ เพราะบริเวณดังกล่าวมีลักษณะเป็นเกาะ มีแม่น้ำล้อมรอบ 3 สาย ได้แก่ แม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำป่าสัก และ แม่น้ำลพบุรี เป็นศูนย์กลางในการเดินทาง มีความอุดมสมบูรณ์ เหมาะต่อการทำการเกษตรกรรม อีกทั้งยังอยู่ใกล้ทะเล ติดต่อค้าขายกับต่างประเทศได้ง่าย

11231878 719941844778733 7120226949785061266 o
ภาพจาก Facebook ราชธานีไทยสมัยกรุงศรีอยุธยา

การปกครองสมัยอยุธยาเป็นอย่างไร

การปกครองในสมัยอยุธยา กษัตริย์ทรงเป็นสมมติเทพ มีอำนาจสูงสุดในการปกครองแผ่นดิน ซี่งเรียกว่า การปกครองระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ และกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีโดยใช้ระยะเวลาถึง 417 ปี ภายใต้การปกครองของกษัตริย์ 5 ราชวงศ์ ดังนี้ 

  1. ราชวงศ์อู่ทอง (พ.ศ.1893 – 1913 และ พ.ศ.1931 – 1952) 
  2. ราชวงศ์สุวรรณภูมิ (พ.ศ.1913 – 1931 และ พ.ศ.1952 – 2112)
  3. ราชวงศ์สุโขทัย (พ.ศ.2112 – 2172) 
  4. ราชวงศ์ปราสาททอง (พ.ศ.2172 – 2231) 
  5. ราชวงศ์บ้านพลูหลวง (พ.ศ.2231 – 2310) 

การจัดระเบียบการปกครองในสมัยอยุธยา แบ่งออกเป็น 2 สมัย ดังนี้ 

1. สมัยอยุธยาตอนต้น (พ.ศ.1893 – พ.ศ.1991)

การปกครองส่วนกลาง หรือการปกครองภายในราชธานี เรียกว่า การปกครองแบบจตุสดมภ์ โดยมีขุนนาง 4 ฝ่าย ทำหน้าที่ ดังนี้ 

  1. กรมเวียง ทำหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยในราชธานี 
  2. กรมวัง ทำหน้าที่เกี่ยวกับงานพระราชพิธีต่าง ๆ 
  3. กรมคลัง ทำหน้าที่เก็บราชทรัพย์และผลประโยชน์ของแผ่นดิน
  4. กรมนา ทำหน้าที่เก็บเสบียงไว้ใช้ในยามสงคราม และดูแลการทำเรือกสวน ไร่ นา 

การปกครองส่วนภูมิภาค ได้แก่ ตามหัวเมืองที่อยู่นอกราชธานี โดยจะมีการโปรดให้เจ้านาย หรือขุนนางที่ไว้วางพระทัยไปปกครอง ซึ่งจะมีการแบ่งเป็น 3 ประเภท ดังนี้ 

  1. เมืองหน้าด่าน ได้แก่ เมืองที่อยู่รอบราชธานีทั้ง 4 ทิศ 
  2. เมืองชั้นใน ได้แก่ เมืองที่อยู่ไม่ห่างจากราชธานีมากนัก 
  3. เมืองชั้นนอก ได้แก่ เมืองที่อยู่ห่างไกลจากราชธานีมาก 

2. สมัยพระบรมไตรโลกนาถ (พ.ศ.1991 – สิ้นสุดสมัยอยุธยา) 

พระบรมไตรโลกนาถ ได้โปรดให้ปฏิรูปการปกครองครั้งสำคัญ ในปี พ.ศ.1991 โดยมีใจความสำคัญ ดังนี้ 

มีการเปลี่ยนชื่อกรมของระบบจตุสดมภ์ 

  1. กรมเวียง เปลี่ยนเป็น นครบาล
  2. กรมวัง เปลี่ยนเป็น  ธรรมาธิกรณ์
  3. กรมคลัง เปลี่ยนเป็น โกษธิบดี 
  4. กรมนา เปลี่ยนเป็น เกษตราธิการ 

ทรงแบ่งหัวเมืองชั้นนอก ให้เป็นเมือง -ชั้นเอก -ชั้นโท -ชั้นตรี ตามลำดับ 

แยกฝ่ายทหารและพลเรือนออกจากกัน โดยทรงกำหนดให้

  1. สมุหกลาโหม เป็นหัวหน้าฝ่ายทหาร 
  2. สมุหนายก เป็นหัวหน้าฝ่ายพลเรือน 

การปกครองหัวเมืองประเทศราช ให้เจ้านายของชนชาตินั้นปกครองกันเอง โดยต้องมีการส่งเครื่องราชบรรณาการมาให้ตามลำดับ 

K9837840 1
ภาพจาก http://www.nextsteptv.com/

การจัดระเบียบทางสังคมในสมัยอยุธยา  

ในสมัยอยุธยาจะใช้ระบบศักดินาจำแนกสถานะทางสังคม มีตั้งแต่สูงสุดไปจนถึงต่ำสุด ซึ่งมีองค์ประกอบของสังคม ดังนี้ 

ชนชั้นปกครอง ได้แก่ 

  1. พระมหากษัตริย์ มีฐานะเป็นสมมติเทพ มีอำนาจสูงสุด 
  2. เจ้านาย คือ เชื้อพระวงศ์ของกษัตริย์ 
  3. ขุนนาง คือ ผู้รับใช้ใกล้ชิดพระมหากษัตริย์ โดยจะมีขุนนางหลายระดับ โดยพิจารณาจาก
  • ยศ  แสดงลำดับขั้นขุนนาง
  • ราชทินนาม เป็นนามที่ได้พระราชทาน แสดงถึงหน้าที่รับผิดชอบ 
  • ตำแหน่ง หน้าที่ในราชการ 
  • ศักดินา เป็นเครื่องกำหนดฐานะทางสังคม 

ชนชั้นใต้ปกครอง ประกอบไปด้วย 

  1. ไพร่  คือ พลเมืองสามัญ ซึ่งเป็นพลเมืองส่วนใหญ่ในสังคมอยุธยา (หากเทียบกับคนยุคปัจจุบัน เปรียบได้กับประชาชนคนชั้นกลาง ทำงานเสียภาษีให้กับรัฐฯ นั่นเอง) โดยทางกฏหมายในยุคนั้น กำหนดให้ไพร่ต้องสังกัดมูลนาย และถูกเกณฑ์แรงงานไปทำราชการให้หลวงปีละ 6 เดือน  โดยไม่มีเงินให้เป็นค่าตอบแทน แต่จะได้การปกป้องคุ้มครองจากมูลนายที่ตนสังกัดเป็นสิ่งตอบแทน  ไพร่ มี 2 ประเภท ได้แก่ 
  • ไพร่หลวง คือ ไพร่ที่ขึ้นทะเบียนสังกัดพระมหากษัตริย์โดยตรง ส่งส่วยแทนการรับราชการ สำหรับผู้หญิงไม่ต้องถูกเกณฑ์แรงงาน
  • ไพร่สม คือ ไพร่ที่ขึ้นสังกัดมูลนาย โดยมูลนายจะมีจำนวนไพร่ในสังกัดมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับยศ ตำแหน่ง และศักดินา 
  1. ทาส คือ ชนชั้นต่ำสุดในสมัยอยุธยา มีฐานะเป็นแรงงานและถือเป็นสมบัติของนาย มีค่าตัว ถูกซื้อขายได้  ทาส มี 7 ประเภท ได้แก่ 
  • ทาสสินไถ่ 
  • ทาสในเรือนเบี้ย
  • ทาสที่ได้จากบิดามารดา 
  • ทาสจากการที่มีผู้มอบให้
  • ทาสที่ช่วยเหลือจากทัณฑโทษ
  • ทาสอันได้เลี้ยงไว้ในยามทุพภิกขภัย
  • ทาสเชลย

วิธีการหลุดพ้นจากการเป็นทาส ได้แก่ 

  • การบวช 
  • ทาสที่แต่งงานกับนายทาสหรือญาติพี่น้องนายทาส 
  • ทาสที่ไปรบแล้วถูกจับเป็นเชลยและหนีรอดกลับมาหรือถูกปล่อยเป็นอิสระ
  • ทาสที่ฟ้องว่านายเป็นกบฏ 

พระสงฆ์ คือ ผู้ที่ได้รับความเคารพจากทุกชนชั้น ซึ่งคนในทุกชนชั้นสามารถบวชเป็นพระสงฆ์ได้ และเมื่อบวชแล้วจะมีฐานะเท่าเทียมกัน 

การศึกษาในสมัยอยุธยา 

การศึกษาเล่าเรียนหาความรู้ของคนในสมัยอยุธยา มีดังนี้ 

  1. บ้าน เป็นสถานที่ถ่ายทอดความรู้ในวงศ์ตระกูล 
  2. วัด เป็นสถานที่ศึกษาสำหรับเด็กผู้ชาย และการบวชเรียน 
  3. วัง เป็นสถานที่รวมนักปราชญ์และราชบัณฑิตทั้งหลาย 

อาชีพและระบบเศรษฐกิจสมัยอยุธยา 

อาชีพของชาวอยุธยา 

  1. ทำการเกษตร โดยมีอาชีพทำนาเป็นหลัก 
  2. หัตกรรม ผลิตงานฝีมือ โดยจะมีการรวมช่างฝีมืออยู่รวมกันเป็นหมู่บ้าน 
  3. ค้าขาย การค้าในอยุธยามี 2 แบบด้วยกัน คือ 

3.1) ค้าขายในประเทศ ส่วนใหญ่เป็นพืชผลผลิตทางการเกษตร 

3.2) ค้าขายระหว่างประเทศ ชาวอยุธยาสามารถค้าขายกับพ่อค้าต่างชาติได้โดยตรงอย่างเสรี โดยมีหน่วยงานดูแลรับผิดชอบ ได้แก่ 

  • กรมท่าซ้าย ซึ่งมีโชฎีราชเศรษฐีเป็นเจ้ากรม (ส่วนใหญ่เป็นข้าราชการชาวจีน) ดูแลกิจการค้าสำเภากับดินแดนตะวันออก
  • กรมท่าขวา มีจุฬาราชมนตรีเป็นเจ้ากรม ดูแลกิจการค้าสำเภากับดินแดนตะวันตก 

เงินตราที่ใช้ในสมัยกรุงศรีอยุธยา 

  1. พดด้วง ทำจากโลหะเงิน มีตราประทับหลายแบบ 
  2. เบี้ย คือ เปลือกหอยทะเลที่ถูกนำมาใช้แทนค่าเงิน 
  3. ไพและกล่ำ ทำจากโลหะที่ไม่ใช่เงิน 
  4. ประกับ ทำมาดินเผาที่มีการตีตราประทับ ใช้แทนเบี้ย 

สมัยอยุธยามีการเก็บอากรไหมและส่วยคืออะไร

เรามักจะได้ยินการส่งส่วย หรือแม้แต่ไพร่เองก็ยังต้องส่งส่วย ซึ่งส่วยเป็นส่วนหนึ่งของรายได้หมุนเวียนภายในสังคมคนสมัยอยุธยา ซึ่งประกอบไปด้วย 

  1. จังกอบ มี 2 แบบ คือ  จังกอบสินค้า และ จังกอบปากเรือ 
  2. อากร คือ ภาษีที่เก็บจากราษฎร โดยมีอากรค่านา อากรสมพัดสร อากรศุลกากร อากรสวน อากรตลาด อากรบ่อนเบี้ย อากรค่าน้ำ และ อากรสุรา 
  3. ฤชา คือ ค่าธรรมเนียมที่เก็บจากราษฎรในกิจการที่ทางราชการจัดการให้
  4. ส่วย คือ เงินหรือข้าวของที่ต้องส่งให้ราชสำนัก เช่น บรรณาการ ส่วยแรงงาน เป็นต้น 

หวังว่าข้อมูลคร่าว ๆ เหล่านี้ จะช่วยทำความเข้าใจและเพิ่มอรรถรสในการรับชมละครอิงประวัตศาสตร์ไทยให้สนุกพร้อมได้สาระความรู้มากขึ้นนะเจ้าคะออเจ้า

The post ย้อนยุคไปกับแม่หญิงการะเกด เราคือชนชั้นไหนในระบบสังคมไทยสมัยอยุธยา พร้อมสรุประบบการปกครองเมืองกรุงศรีฯ แบบรวบรัด appeared first on Sec Live News.

]]>
7009
5 วิธีการเช็กนาฬิกาแท้ ดูยังไง https://seclivenews.com/2023/10/20/5-%e0%b8%a7%e0%b8%b4%e0%b8%98%e0%b8%b5%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b9%80%e0%b8%8a%e0%b9%87%e0%b8%81%e0%b8%99%e0%b8%b2%e0%b8%ac%e0%b8%b4%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b9%81%e0%b8%97%e0%b9%89-%e0%b8%94/ Fri, 20 Oct 2023 01:25:34 +0000 https://seclivenews.com/?p=6999 “นาฬิกา” ช่วยให้เราได้รู้เวลา สามารถจัดการกิจวัตรต่างในแต่ละวันได้อย่างเป็นระบบ และช่วยให้ผู้คนมีความเป็นระเบียบ ไม่ว่าจะเป็นเวลาการเข้าเรียน เวลาทำงาน หรือการนัดหมาย ทำให้ผู้คนส่วนใหญ่ในยุคนี้ เลือกซื้อนาฬิกาข้อมือเพื่อใช้ดูเวลา และเดี๋ยวนี้การซื้อนาฬิกาข้อมือมีหลายช่องทางให้เลือกตามความสะดวก ทั้งร้านตัวแทนจำหน่าย ห้างสรรพสินค้า หรือเลือกซื้อนาฬิกาผ่านช่องทางออนไลน์ แต่ไม่ว่าจะซื้อผ่านช่องทางไหน แต่ปัญหาที่หลายคนมักจะมีเหมือน ๆ กัน คือ เลือกซื้อนาฬิกาอย่างไรให้ได้ของแท้ หรือดูอย่างไรว่าเป็นนาฬิกาแท้ 100% ทางแอดมินได้นำ 5 ขั้นตอนวิธีสังเกตนาฬิกาของแท้ด้วยตัวเอง ให้ได้นำไปใช้ในการเลือกซื้อนาฬิกากันค่ะ  วิธีสังเกตนาฬิกาแบรนด์แท้  1. น้ำหนัก   การสังเกตนาฬิกาข้อมือ ข้อหลัก ๆ ที่เห็นได้ง่าย คือ วัสดุและอุปกรณ์ที่นำมาใช้ผลิต เพราะแบรนด์นาฬิกาต่าง ๆ จะมีการคัดเลือกวัสดุ อุปกรณ์ที่จะนำมาใช้ประกอบนาฬิกาจำหน่ายในชื่อของแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็น ตัวเรือน สายหนัง สเตนเลส ทองคำ หรือหัวเข็ม หน้าปัด อัญมณีต่าง ๆ ที่เป็นของแท้จะต้องมีคุณภาพดี ที่เมื่อสัมผัสแล้วจะรู้สึกได้ทันที หรือเมื่อหลังจากใช้งาน เพราะของคุณภาพดีจะมีความแตกต่างจากของปลอมโดยสิ้นเชิง  2. เช็ค Serial Number …

The post 5 วิธีการเช็กนาฬิกาแท้ ดูยังไง appeared first on Sec Live News.

]]>
“นาฬิกา” ช่วยให้เราได้รู้เวลา สามารถจัดการกิจวัตรต่างในแต่ละวันได้อย่างเป็นระบบ และช่วยให้ผู้คนมีความเป็นระเบียบ ไม่ว่าจะเป็นเวลาการเข้าเรียน เวลาทำงาน หรือการนัดหมาย ทำให้ผู้คนส่วนใหญ่ในยุคนี้ เลือกซื้อนาฬิกาข้อมือเพื่อใช้ดูเวลา และเดี๋ยวนี้การซื้อนาฬิกาข้อมือมีหลายช่องทางให้เลือกตามความสะดวก ทั้งร้านตัวแทนจำหน่าย ห้างสรรพสินค้า หรือเลือกซื้อนาฬิกาผ่านช่องทางออนไลน์ แต่ไม่ว่าจะซื้อผ่านช่องทางไหน แต่ปัญหาที่หลายคนมักจะมีเหมือน ๆ กัน คือ เลือกซื้อนาฬิกาอย่างไรให้ได้ของแท้ หรือดูอย่างไรว่าเป็นนาฬิกาแท้ 100% ทางแอดมินได้นำ 5 ขั้นตอนวิธีสังเกตนาฬิกาของแท้ด้วยตัวเอง ให้ได้นำไปใช้ในการเลือกซื้อนาฬิกากันค่ะ 

วิธีสังเกตนาฬิกาแบรนด์แท้ 

close up clock with time change

1. น้ำหนัก  

การสังเกตนาฬิกาข้อมือ ข้อหลัก ๆ ที่เห็นได้ง่าย คือ วัสดุและอุปกรณ์ที่นำมาใช้ผลิต เพราะแบรนด์นาฬิกาต่าง ๆ จะมีการคัดเลือกวัสดุ อุปกรณ์ที่จะนำมาใช้ประกอบนาฬิกาจำหน่ายในชื่อของแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็น ตัวเรือน สายหนัง สเตนเลส ทองคำ หรือหัวเข็ม หน้าปัด อัญมณีต่าง ๆ ที่เป็นของแท้จะต้องมีคุณภาพดี ที่เมื่อสัมผัสแล้วจะรู้สึกได้ทันที หรือเมื่อหลังจากใช้งาน เพราะของคุณภาพดีจะมีความแตกต่างจากของปลอมโดยสิ้นเชิง 

closeup shot hands numbers hour marks black watch

2. เช็ค Serial Number นาฬิกา

เชื่อว่าหลาย ๆ คนรู้เรื่องการสังเกตจากส่วนนี้ดีกันอยู่แล้ว แต่นับว่าเป็นอีกขั้นตอนที่สำคัญ และไม่ควรมองข้ามอย่างเด็ดขาด เพราะไม่ว่าจะเป็นนาฬิกาแบรนด์ใดก็ตาม จะมีการจัดวาง Serial Number นาฬิกาไว้เสมอ บางแบรนด์อาจมีการวางตำแหน่งซีเรียลหรือนัมเบอร์ในจุดที่พิเศษ ที่เป็นกิมมิก หรือเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์นั้นโดยเฉพาะ และอาจเป็นลิขสิทธิ์ที่ใครไม่สามารถนำไปใช้ได้ เพราะอาจเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ได้  เพราะไม่ว่าใครเห็นก็สามารถรู้ได้ทันทีว่าเป็นนาฬิกาแบรนด์อะไร 

front view sleeve man s suit hands with stylish watch

3. เสียงการเคลื่อนไหว 

เข็มนาฬิกาแบรนด์แท้แทบจะไม่มีเสียงให้ได้ยิน เพราะเข็มนาฬิกาแท้จะเดินเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ไม่มีสะดุดหรือติดขัด ทำให้การทำงานของเข็มนาฬิกาไม่มีเสียงให้ได้ยิน ดังนั้น เมื่อจะเลือกซื้อนาฬิกา ลองฟังเสียงการเดินของเข็มนาฬิกา เป็นอีกวิธีในการสังเกตนาฬิกาแท้หรือเทียมได้เช่นกัน 

close up seller s hands gloves shows exclusive men s watch from new collection luxury jewelry store

4. กล่องบรรจุภัณฑ์ 

นาฬิกาของแท้จะมีกล่องบรรจุภัณฑ์ของแบรนด์นั้น ๆ ด้วยเสมอ เป็นเอกลักษณ์ และหน้าตาของแบรนด์ ซึ่งอาจเป็นกล่องเหล็ก กล่องสเตนเลส กล่องหนัง หรือกล่องผ้าอย่างดี สำหรับการเก็บใส่ให้เป็นระเบียบ และรักษารูปทรงนาฬิกาไว้ได้นาน ๆ 

watch black box bow tie lie white windowsill

5. คู่มือการใช้งาน 

นาฬิกาที่มีการบรรจุภัณฑ์ จะต้องมีคู่มือมาให้ในกล่องด้วยเสมอ โดยส่วนใหญ่คู่มือจะเป็นภาษาอังกฤษเป็นหลัก อาจมีภาษาไทยควบคู่มาด้วย สำหรับระบุข้อมูลนาฬิกาเรือนนั้น ๆ  และวิธีการใช้งาน วิธีการเก็บรักษา และส่วนใหญ่ คู่มือที่มาพร้อมกับนาฬิกาแบรนด์แท้จะมีตัวเลขระบุไว้ ซึ่งเป็นเลขชุดเดียวกันกับตัวเรือนนาฬิกา 

หลักการสังเกตนาฬิกาแบรนด์แท้ 5 ช้อดังกล่าว เป็นเพียงขั้นตอนเบื้องต้น ที่สามารถนำไปใช้ในการเลือกซื้อนาฬิกาของแท้ด้วยตัวเองเท่านั้น ซึ่งสามารถนำไปใช้ได้ทั้งในการเลือกซื้อนาฬิกาข้อมือชาย และนาฬิกาข้อมือหญิง แต่สำหรับการเลือกซื้อนาฬิกาช่องทางออนไลน์ อาจจะต้องใช้ในการพิจารณาจากร้านที่น่าเชื่อถือ หรือช่องทางที่ไว้ใจได้ มีการซื้อขายมานานแค่ไหน การตอบรับจากลูกค้าหรือผู้ใช้บริการ ทีมงานที่คอยให้คำแนะนำและตอบคำถาม รวมไปถึงบริการหลังการขายเป็นอย่างไร นอกจากนี้ การรีวิวจากผู้ซื้อและผู้ใช้บริการจริงก็เป็นอีกสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพราะช่วยให้มั่นใจว่าได้เลือกซื้อนาฬิกาแท้ แบรนด์จริง แน่นอน 

The post 5 วิธีการเช็กนาฬิกาแท้ ดูยังไง appeared first on Sec Live News.

]]>
6999
6 สถานที่ปฏิบัติธรรม ฝึกจิตสงบ เหมาะกับทุกเพศทุกวัย https://seclivenews.com/2023/09/19/6-%e0%b8%aa%e0%b8%96%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b8%97%e0%b8%b5%e0%b9%88%e0%b8%9b%e0%b8%8f%e0%b8%b4%e0%b8%9a%e0%b8%b1%e0%b8%95%e0%b8%b4%e0%b8%98%e0%b8%a3%e0%b8%a3%e0%b8%a1-%e0%b8%9d%e0%b8%b6%e0%b8%81/ Tue, 19 Sep 2023 03:37:45 +0000 https://seclivenews.com/?p=6985 บางช่วงเวลาที่เราต้องการความสงบทางจิตใจ อยากหันหน้าเข้าหาธรรมะ เพื่อช่วยผ่อนคลายกายและใจ หลีกหนีจากความวุ่นวาย เสมือนไปชาร์จพลังงานทางบวก เสริมสร้างสติและปัญญาให้กับตนเอง เพื่อมีความพร้อมในการรับมือกับปัญหาอื่น ๆ ในทางโลกกันต่อไป วันนี้แอดมินมีสถานที่ปฏิบัติธรรมฟรี สงบ และเดินทางสะดวก ไปเสริมบุญบารมีได้ทั้งครอบครัว หรือจะฉายเดี่ยว ไปเป็นคู่ หรือหมู่คณะ ก็เหมาะอย่างยิ่ง ปฏิบัติธรรมที่ไหนดี ไปดูกันเลยดีกว่าค่ะ  1. สำนักวิปัสสนากรรมฐาน วัดมหาธาตุวราชรังสฤษฎิ์ กรุงเทพ  สำนักวิปัสสนากรรมฐาน ฯ เป็นศูนย์ศึกษาและปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานนานาชาติ เปิดให้ปฏิบัติธรรมทุกวัน โดยไม่จำกัดวันและเวลา เหมาะกับทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะหนุ่มสาวชาวออฟฟิศ ที่มักจะมีเวลาจำกัดในการเดินทางไปปฏิบัติธรรม  สถานที่ตั้ง : แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร จังหวัด กรุงเทพฯ  2. ยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ กรุงเทพ สถานที่ปฏิบัติธรรมยอดฮิตของคนกรุงเทพ เพราะอยู่ใกล้ เดินทางสะดวก โดยที่นี่จะเน้นหลักวิปัสสนากรรมฐานตามแนวสติปัฏฐาน 4 เพื่อก่อให้เกิดปัญญา และยังมีหลักสูตรอบรมปฏิบัติธรรมอีกหลากหลายให้เลือกตามที่สนใจ  สถานที่ตั้ง : ซอยเพชรเกษม 54 แยก 6 แขวงบางด้วน …

The post 6 สถานที่ปฏิบัติธรรม ฝึกจิตสงบ เหมาะกับทุกเพศทุกวัย appeared first on Sec Live News.

]]>
บางช่วงเวลาที่เราต้องการความสงบทางจิตใจ อยากหันหน้าเข้าหาธรรมะ เพื่อช่วยผ่อนคลายกายและใจ หลีกหนีจากความวุ่นวาย เสมือนไปชาร์จพลังงานทางบวก เสริมสร้างสติและปัญญาให้กับตนเอง เพื่อมีความพร้อมในการรับมือกับปัญหาอื่น ๆ ในทางโลกกันต่อไป วันนี้แอดมินมีสถานที่ปฏิบัติธรรมฟรี สงบ และเดินทางสะดวก ไปเสริมบุญบารมีได้ทั้งครอบครัว หรือจะฉายเดี่ยว ไปเป็นคู่ หรือหมู่คณะ ก็เหมาะอย่างยิ่ง ปฏิบัติธรรมที่ไหนดี ไปดูกันเลยดีกว่าค่ะ 

362655106 2363558607157967 8046919383898209650 n
facebook : พระมหาสหรัฐ ธีรายโน

1. สำนักวิปัสสนากรรมฐาน วัดมหาธาตุวราชรังสฤษฎิ์ กรุงเทพ 

สำนักวิปัสสนากรรมฐาน ฯ เป็นศูนย์ศึกษาและปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานนานาชาติ เปิดให้ปฏิบัติธรรมทุกวัน โดยไม่จำกัดวันและเวลา เหมาะกับทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะหนุ่มสาวชาวออฟฟิศ ที่มักจะมีเวลาจำกัดในการเดินทางไปปฏิบัติธรรม 

สถานที่ตั้ง : แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร จังหวัด กรุงเทพฯ 

380004931 693272946177990 6533957108319673477 n
facebook : ยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (ย.พ.ส.)

2. ยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ กรุงเทพ

สถานที่ปฏิบัติธรรมยอดฮิตของคนกรุงเทพ เพราะอยู่ใกล้ เดินทางสะดวก โดยที่นี่จะเน้นหลักวิปัสสนากรรมฐานตามแนวสติปัฏฐาน 4 เพื่อก่อให้เกิดปัญญา และยังมีหลักสูตรอบรมปฏิบัติธรรมอีกหลากหลายให้เลือกตามที่สนใจ 

สถานที่ตั้ง : ซอยเพชรเกษม 54 แยก 6 แขวงบางด้วน เขตภาษีเจริญ จังหวัดกรุงเทพ (02 – 455 – 2525) 

371433882 705376001632174 9091276671761534632 n
facebook : เสถียรธรรมสถาน Sathira Dhammasathan

3. สเถียรธรรมสถาน กรุงเทพ

หากต้องการหาสถานที่ปฏิบัติธรรมในกรุงเทพ สเถียรธรรมสถานเป็นอีกแห่งที่จะต้องนึกถึง เพราะเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมยอดฮิตที่หลายคนมักรู้จัก หรือได้ยินคุ้นหูกันดี ซึ่งสเถียรธรรมสถานก่อตั้งโดย แม่ชีศันสนีย์ เสียรสุต โดยที่นี่เป็นศูนย์รวมพุทธศาสนิกชนที่ต้องการฝึกจิต เจริญสมาธิ แบบอานาปานสติภาวนา 

สถานที่ตั้ง : ถนนวัชรพล รามอินทรา 55 แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน จังหวัดกรุงเทพ (ติดต่อ 02 – 519 – 1119 , 02 – 510 – 6697 และ 091 – 831 – 2294) 

320559304 460289929610867 3013391676730407593 n
facebook : บ้านจิตสบาย แหล่งเรียนรู้และภาวนาโดยการเจริญสติ

4. บ้านจิตสบาย กรุงเทพ

สถานที่ปฏิบัติธรรมที่มุ่งเน้นในการฝึกจิตตามชื่อ จิตสบาย โดยจะมีการเชิญครูบาอาจารย์สายต่าง ๆ มาแสดงธรรม ด้านการเจริญสติปัญญา สำหรับใครที่สนใจ สามารถติดต่อสอบถามเพื่อขอลงทะเบียนได้ที่บ้านจิตสบาย 

สถานที่ตั้ง : ถ.สุขาภิบาลบางระมาด แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา จังหวัด กรุงเทพฯ (ติดต่อ 02 – 448 – 3392) 

378088177 693933909430746 1542086339685900170 n
facebook : วัดป่าสุขใจ บางบ่อ Wat Pa Sukjai

5. วัดป่าสุขใจ บางบ่อ สมุทปราการ 

บรรยากาศภายในวัดป่าสุขใจเงียบ สงบ รายล้อมไปด้วยต้นไม้ใหญ่ ทำให้ร่มรื่น เป็นธรรมชาติ และมีบริเวณ พื้นที่ส่วนตัว เหมาะแก่การฝึกปฏิบัติเป็นอย่างยิ่ง สำหรับผู้ที่ต้องการฝึกจิต นั่งสมาธิ เรียนรู้ธรรมะ ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบกลุ่ม หรือทำสมาธิเดี่ยว ๆ คนเดียวแบบส่วนตัว สามารถติดต่อที่วัดป่าสุขใจได้เลย 

สถานที่ตั้ง : ตำบลเปร็ง อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทปราการ (ติดต่อ 096 – 359 – 0510) 

378868275 343411238040572 6084052276124643033 n
facebook : วัดปัญญานันทาราม – สถานที่ที่ทำให้เกิดปัญญา

6. วัดปัญญานันทาราม ปทุมธานี 

สถานปฏิบัติที่เดินทางสะดวกมาก ๆ สำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ในจังหวัดปทุมธานี กรุงเทพ และบริเวณใกล้เคียง โดยที่นี่จะเน้นในด้านของการนั่งกรรมฐาน เนกขัมมบารมีปฏิบัติธรรม หากใครที่สนใจด้านการนั่งกรรมฐาน ติดต่อสอบถามทางวัดได้เลย  

สถานที่ตั้ง : ซอยวัดปัญญา ตำบลคลองหก อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี (02 – 904 – 6107 และ 086 – 461 – 8353) 

The post 6 สถานที่ปฏิบัติธรรม ฝึกจิตสงบ เหมาะกับทุกเพศทุกวัย appeared first on Sec Live News.

]]>
6985
5 สายพันธุ์แมวที่มีอายุยืนที่สุดในโลก https://seclivenews.com/2023/08/31/5-%e0%b8%aa%e0%b8%b2%e0%b8%a2%e0%b8%9e%e0%b8%b1%e0%b8%99%e0%b8%98%e0%b8%b8%e0%b9%8c%e0%b9%81%e0%b8%a1%e0%b8%a7%e0%b8%97%e0%b8%b5%e0%b9%88%e0%b8%a1%e0%b8%b5%e0%b8%ad%e0%b8%b2%e0%b8%a2%e0%b8%b8%e0%b8%a2/ Thu, 31 Aug 2023 08:41:35 +0000 https://seclivenews.com/?p=6974 สำหรับคนรักแมว ทาสแมวทั้งหลาย รู้ไหมว่า แมวสายพันธุ์อะไรที่มีอายุยืนที่สุดในโลก วันนี้แอดมินมีคำตอบมาเฉลย ซึ่งทั้ง 5 สายพันธุ์น้องแมวนี้ เชื่อว่าหลายคนอาจรู้จักและคุ้นเคยกันดี แต่บางคนอาจแปลกใจ ว่าเอ๊ะ มีแมวสายพันธุ์นี้ด้วยเหรอ และยังเป็นสายพันธุ์แมวที่อายุยืนอีกด้วย ว่าแต่อายุเฉลี่ยของน้องแมวแต่ละสายพันธุ์ที่ว่านี้จะกี่ปีกันนะ ไปดูกันเลยดีกว่าค่ะ  1. แมววิเชียรมาศ  น้องแมวสายพันธุ์ไทยแท้ แมววิเชียรมาศ ที่มีเอกลักษณ์ประจำตัว โดดเด่น สะดุดตา และสวยสง่าจนดึงดูดใจทาสแมวทั่วโลก ด้วยรูปร่างที่สมส่วน และสีขนที่มีจุดเด่น ทำให้ติดโผเป็นแมวที่สวยที่สุดในโลก และยังเป็นสายพันธุ์แมวที่มีอายุยืนที่สุดในโลกอีกด้วย โดยอายุเฉลี่ยของแมววิเชียรมาศ อยู่ที่ประมาณ 12 – 20 ปี เลยเชียวล่ะ  2. แมวซาวันนา  แมวซาวันนา จากแอฟริกัน ที่แม้ว่าจะไม่ใช่สายพันธุ์แมวบ้าน 100% และมีนิสัยที่ตื่นตัว ขี้ระแวง และคาดเดาอารมณ์ได้ยาก แต่สามารถนำมาเลี้ยงให้เชื่อง และกลายเป็นแมวที่เป็นมิตรกับคนได้ อายุของแมวซันวันนาโดยเฉลี่ย จะอยู่ที่ประมาณ 12 – 20 ปี  3. แมวเบอร์มีส  แมวลูกผสม ระหว่าง …

The post 5 สายพันธุ์แมวที่มีอายุยืนที่สุดในโลก appeared first on Sec Live News.

]]>
สำหรับคนรักแมว ทาสแมวทั้งหลาย รู้ไหมว่า แมวสายพันธุ์อะไรที่มีอายุยืนที่สุดในโลก วันนี้แอดมินมีคำตอบมาเฉลย ซึ่งทั้ง 5 สายพันธุ์น้องแมวนี้ เชื่อว่าหลายคนอาจรู้จักและคุ้นเคยกันดี แต่บางคนอาจแปลกใจ ว่าเอ๊ะ มีแมวสายพันธุ์นี้ด้วยเหรอ และยังเป็นสายพันธุ์แมวที่อายุยืนอีกด้วย ว่าแต่อายุเฉลี่ยของน้องแมวแต่ละสายพันธุ์ที่ว่านี้จะกี่ปีกันนะ ไปดูกันเลยดีกว่าค่ะ 

portrait two identical siamese cats

1. แมววิเชียรมาศ 

น้องแมวสายพันธุ์ไทยแท้ แมววิเชียรมาศ ที่มีเอกลักษณ์ประจำตัว โดดเด่น สะดุดตา และสวยสง่าจนดึงดูดใจทาสแมวทั่วโลก ด้วยรูปร่างที่สมส่วน และสีขนที่มีจุดเด่น ทำให้ติดโผเป็นแมวที่สวยที่สุดในโลก และยังเป็นสายพันธุ์แมวที่มีอายุยืนที่สุดในโลกอีกด้วย โดยอายุเฉลี่ยของแมววิเชียรมาศ อยู่ที่ประมาณ 12 – 20 ปี เลยเชียวล่ะ 

beautiful shot bengal cat curiously staring camera with blurred background

2. แมวซาวันนา 

แมวซาวันนา จากแอฟริกัน ที่แม้ว่าจะไม่ใช่สายพันธุ์แมวบ้าน 100% และมีนิสัยที่ตื่นตัว ขี้ระแวง และคาดเดาอารมณ์ได้ยาก แต่สามารถนำมาเลี้ยงให้เชื่อง และกลายเป็นแมวที่เป็นมิตรกับคนได้ อายุของแมวซันวันนาโดยเฉลี่ย จะอยู่ที่ประมาณ 12 – 20 ปี 

British burmese Andel Alois at Cat show

3. แมวเบอร์มีส 

แมวลูกผสม ระหว่าง แมววิเชียรมาศ และ แมวพม่าตัวเล็ก ทำให้แมวเบอร์มีสมีนิสัยขี้เล่น ชอบเข้าสังคม แต่มักจะมีปัญหาด้านดวงตาได้ง่าย ที่มักจะพบได้บ่อย คือ แมวเป็นต้อหิน แต่ถ้าเจ้าของดูแลและเลี้ยงแบบใส่ใจก็ไม่น่ากังวลอะไรมาก อายุโดยเฉลี่ยของแมวเบอร์มีส อยู่ที่ 16 – 18 ปี

bengal cat stands yellow bed

4. แมวอียิปต์เทียน มัว 

น้องแมวจากอียิปต์ ที่มีลวดลายสวยงามเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทำให้ทาสแมวหลงเสน่ห์ได้ไม่ยาก แต่แมวอียิปต์นี้จะมีปัญหาสุขภาพด้านโรคหัวใจได้ง่าย จึงต้องคอยระมัดระวัง และต้องเป็นผู้ที่รักและพร้อมจะดูแลแมวไปจนกว่าจะหมดอายุขัยจริง ๆ จึงจะสามารถเลี้ยงแมวอียิปต์เทียน มัว ได้ โดยอายุของน้องแมวพันธุ์นี้ เฉลี่ยที่ 12 – 15 ปี 

pets beautiful house animal gray

5. แมวแรกดอล 

น้องแมวแรกดอล ถือว่าเป็นแมวนิยมเลี้ยงของเหล่าบรรดาเซเลบ และเป็นที่ชื่นชอบของคนรักแมว ความน่ารักและขนอันสวยงาม ดูสง่าแต่น่ารักในเวลาเดียวกัน ทำให้เป็นสายพันธุ์แมวติดอันดับต้น ๆ ของโลก และในบรรดาทาสแมวทั่วโลก แม้ว่าแมวแรกดอลมีสุขภาพแข็งแรงดีเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็มีโรคหัวใจและโรคนิ่วในกระเพาะปัสสาวะที่จะต้องระวังมาก ๆ ในการเลี้ยงแมวสายพันธุ์นี้ อายุเฉลี่ยของแมวแรกดอล ประมาณ 12 – 15 ปี 

The post 5 สายพันธุ์แมวที่มีอายุยืนที่สุดในโลก appeared first on Sec Live News.

]]>
6974
6 สูตรแก้ปัญหาหนังศีรษะแห้งง่าย ๆ ด้วยวัตถุดิบธรรมชาติ https://seclivenews.com/2023/08/18/6-%e0%b8%aa%e0%b8%b9%e0%b8%95%e0%b8%a3-%e0%b8%ab%e0%b8%99%e0%b8%b1%e0%b8%87%e0%b8%a8%e0%b8%b5%e0%b8%a3%e0%b8%a9%e0%b8%b0%e0%b9%81%e0%b8%ab%e0%b9%89%e0%b8%87/ Fri, 18 Aug 2023 08:49:24 +0000 https://seclivenews.com/?p=6965 วันนี้เรานำสูตรธรรมชาติแก้หนังศีรษะแห้ง มาให้ผู้ที่กำลังมีปัญหาเกี่ยวกับคันหนังศรีษะ มีรังแค ให้ลองนำไปทำดู ทำตามด้วยตัวเองง่าย ๆ ตามนี้เลย

The post 6 สูตรแก้ปัญหาหนังศีรษะแห้งง่าย ๆ ด้วยวัตถุดิบธรรมชาติ appeared first on Sec Live News.

]]>
หนังศีรษะแห้ง คือ ปัญหาที่สร้างความรำคาญให้กับเจ้าตัว และยังทำให้น่าอายแก่สายตาคนอื่น ๆ เมื่อเกิดอาการคันยิบ ๆ จนต้องเกาศีรษะอยู่บ่อย ๆ แถมยังมีแผ่นศีรษะที่หลุดลอกร่วง กลายเป็นรังแค ทำให้ความมั่นใจลดลงฮวบจนแทบไม่มีเหลือ

วันนี้เราจึงนำ สูตรธรรมชาติแก้หนังศีรษะแห้ง มาให้ผู้ที่กำลังมีปัญหาเกี่ยวกับเส้นผมร่วง คันหนังศรีษะ ให้ลองนำไปทำดู ไม่ต้องห่วงผลข้างเคียง เพราะทุกสูตรล้วนใช้วัตถุดิบธรรมชาติ ไร้สารเคมี ทำตามด้วยตัวเองง่าย ๆ ด้วยสูตรต่อไปนี้เลยค่ะ 

1. แก้ปัญหาหนังศีรษะแห้งด้วยน้ำมันมะพร้าว

lady sitting on the couch looks in the mirror and 2023 03 18 00 14 10 utc 1

น้ำมันมะพร้าว สรรพคุณสารพัดประโยชน์ เพราะช่วยบำรุงผิวพรรณ สุขภาพ ไปตลอดจนถึงเส้นผมและหนังศีรษะ โดยน้ำมันมะพร้าวมีฤทธิ์ในการต่อต้านแบคทีเรียและเชื้อรา ลดการติดเชื้อบนหนังศีรษะ และเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับนหนังศีรษะที่แห้งลอกได้เป็นอย่างดี 

วิธีทำ

หยดน้ำมันมะพร้าวลงบนหนังศีรษะโดยตรง แล้วนวดเบา ๆ ให้ทั่ว จากนั้นหมักทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที ก่อนจะล้างออกด้วยการสระผมตามปกติ  

หลังจากที่ใช้น้ำมันมะพร้าวบำรุงหนังศีรษะเป็นประจำ จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับเส้นผมและหนังศีรษะ และยังทำให้ผมนุ่มลื่นขึ้นอีกด้วย 

2. แก้ปัญหาหนังศีรษะแห้งด้วยว่านหางจระเข้ 

ว่านหางจระเข้ เป็นสมุนไพรที่มีคุณสมบัติต้านการอักเสบ ช่วยลดการระคายเคืองผิวหนัง เพิ่มความชุ่มชื้น จึงช่วยบรรเทาอาการปัญหาหนังศีรษะแห้งได้ และยังบำรุงผิวพรรณได้เป็นอย่างดี 

วิธีทำ

นำว่านหางจระเข้มาปอกเปลือก แล้วนำวุ้นขาว ๆ ข้างในไปล้างให้สะอาด จากนั้นนำเนื้อว่านหางจระเข้มาขยี้ให้ทั่วหนังศีรษะและเส้นผม และนวดเบา ๆ ให้ทั่ว ก่อนจะหมักทิ้งไว้ประมาณ 10 – 15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด 

3. แก้ปัญหาหนังศีรษะแห้งด้วยกล้วยหอม 

กล้วยหอม ผลไม้อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุ มีประโยชน์ต่อสุขภาพ และยังดีต่อผิวพรรณ เพราะกล้วยหอมให้ความชุ่มชื้น มีฤทธิ์ต้านจุลชีพตามธรรมชาติ หากหมักผมด้วยกล้วยหอมเป็นประจำ จะช่วยแก้ปัญหาหนังศีรษะแห้ง และไร้รังแคคอยกวนใจอีกด้วย 

woman with hair oil bottle woman touching her hea 2021 12 09 17 51 23 utc 1

วิธีทำ

บดกล้วยหอมให้ละเอียด แล้วเติมน้ำมันมะพร้าว หรือ น้ำมันมะกอก 2 – 3 ช้อนโต๊ะ คนผสมให้เป็นเนื้อเดียวกัน แล้วนำมาทาให้ทั่วเส้นผมและหนังศีรษะ จากนั้นนวดเบา ๆ ก่อนจะหมักทิ้งไว้ประมาณ 10 – 15 นาที แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด 

4. แก้ปัญหาหนังศีรษะแห้งด้วยอะโวคาโด

อะโวคาโด ผลไม้ที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่ดีต่อสุขภาพ และยังมีรสมัน นัว อร่อยถูกปากใครหลายคน แต่ด้วยอะโวคาโด้มีไขมันชนิดไม่อิ่มตัว ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น และบำรุงผิวพรรณได้เป็นอย่างดี เมื่อนำอะโวคาโด้มาใช้หมักผม ก็จะช่วยปรับหนังศีรษะแห้งให้ฟื้นคืน ปลอบประโลมหนังศีรษะ ให้กลับมาชุ่มชื้น ไม่ลอกขุย และบรรเทาอาการคันศีรษะ 

วิธีทำ 

นำเนื้ออะโวคาโดมาบดให้ละเอียด ผสมกับน้ำมันมะกอก 2 – 3 หยด คนผสมให้เข้ากัน แล้วนำมาทาและนวดให้ทั่วหนังศีรษะ หมักทิ้งไว้ประมาณ 10 -15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด หรือใครที่มีน้ำมันอะโวคาโดอยู่แล้วก็ใช้หยดลงบนหนังศีรษะและทาบำรุงได้เลยค่ะ 

5. แก้ปัญหาหนังศีรษะแห้งด้วยน้ำมันมะกอก + เบกกิ้งโซดา 

สูตรนี้ใช้ส่วนผสมระหว่าง น้ำมันมะกอก ที่ให้ความชุ่มชื้น และ เบกกิ้งโซดา ที่มีคุณสมบัติยับยั้งแบคทีเรีย และต่อต้านเชื้อรา เมื่อนำมาผสมและใช้หมักศีรษะ จะช่วยผลัดเซลล์ผิวหนังศีรษะที่ตายแล้วให้หลุดลอกออก และเติมความชุ่มชื้นให้กับเซลล์ผิวหนังศีรษะใหม่ที่ขึ้นทดแทน และช่วยลดอาการคันจากรังแคได้อีกด้วย 

top view of milk cream and egg in a small bowl 2022 11 08 04 58 08 utc 1

6. แก้ปัญหาหนังศีรษะแห้งด้วยไข่ไก่ + โยเกิร์ต 

ไข่ไก่และโยเกิร์ต หาได้ง่าย ๆ จากในครัว ซึ่งวัตถุดิบทั้งสองตัวนี้ช่วยบำรุงหนังศีรษะได้เป็นอย่างดี โดยโยเกิร์ตจะทำหน้าที่ผลัดเซลล์ผิว และปลอบประโลมผิวอย่างอ่อนโยน ในขณะที่ไข่ไก่อุดมไปด้วยโปรตีนและไขมัน ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและปกป้องหนังศีรษะ เมื่อใช้ร่วมกัน จะช่วยขจัดปัญหาหนังศีรษะแห้ง และบอกลารังแคเสียที 

วิธีทำ 

ใช้โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 3 – 4 ช้อนโต๊ะ ผสมกับไข่ไก่ 1 ฟอง ตีให้เป็นเนื้อเดียวกัน แล้วนำมาทาให้ทั่วเส้นผมและหนังศีรษะ จากนั้นนวดหนังศีรษะเบา ๆ ให้ทั่ว หมักทิ้งไว้ประมาณ 10 – 15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด 

สูตรแก้อาการศีรษะแห้งด้วยวัตถุดิบธรรมชาติที่นำมาฝากในวันนี้ ส่วนใหญ่สามารถหาได้จากในครัว หรือในตู้เย็น ซึ่งเป็นของที่เรากินกันเป็นประจำกันอยู่แล้ว แถมวิธีทำก็ง่ายมาก ๆ สามารถนำไปทำตามได้ไม่ยากเลย และใช้เวลาไม่นานอีกด้วย ไม่ต้องไปเสียเงินซื้อยารักษาแพง ๆ แต่ถ้าหากทำสูตรไหนก็ไม่ได้ผล อาจต้องไปพบแพทย์ผิวหนังหรือผู้เชี่ยวชาญโดยตรง เพราะอาจมีสาเหตุหรือเกี่ยวข้องกับโรคอื่น ๆ และจะได้รับการรักษาที่ถูกต้องและเหมาะสมค่ะ 

The post 6 สูตรแก้ปัญหาหนังศีรษะแห้งง่าย ๆ ด้วยวัตถุดิบธรรมชาติ appeared first on Sec Live News.

]]>
6965
ทานสูตร การให้ทาน 7 ระดับ https://seclivenews.com/2023/08/07/%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b9%83%e0%b8%ab%e0%b9%89%e0%b8%97%e0%b8%b2%e0%b8%99-7-%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b8%94%e0%b8%b1%e0%b8%9a/ Mon, 07 Aug 2023 06:38:23 +0000 https://seclivenews.com/?p=6956 ในพระไตรปิฏก พระพุทธองค์ได้กล่าวว่า การให้ทานมีอยู่ 7 ระดับด้วยกัน แต่จะมีอะไรกันบ้าง เข้ามาอ่านข้างในได้เลย

The post ทานสูตร การให้ทาน 7 ระดับ appeared first on Sec Live News.

]]>
การให้ ตามหลักศาสนา อันหมายถึง ทาน ซึ่งพุทธศาสนิกชนส่วนใหญ่มีความเชื่อผลของการให้ทานที่อาจแตกต่างกันไป แต่ในพระไตรปิฏก พระพุทธองค์ได้กล่าวว่า ทาน มี 7 ระดับ ด้วยกัน แต่จะมีอะไรกันบ้าง เลื่อนไปอ่านข้างล่างได้เลย

การให้ทาน 7 ระดับ 

1. ให้ทาน หวังผลแห่งทาน 

มุ่งสั่งสมบุญทาน เพราะคิดว่าตายไปแล้วจะได้เสวยผลแห่งทานนี้ เมื่อตายไปแล้วจะไปสู่สวรรค์ชั้นที่ 1 คือ จาตุมหาราชิกา อันได้แก่ พระภูมิเจ้าที่ รุขเทวดา เทพารักษ์ อีกส่วนแยกไปบนยอดเขายุคลธร ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเขาสัตตบริภัณฑ์ที่รายล้อมเขาพระสุเมรุ

2. ให้ทาน เห็น ทานเป็นการดี 

ให้ทาน ด้วยคิดว่า การให้ทานเป็นการดี เป็นลักษณะการทำตาม ๆ กันไป เขาบอกว่าดี ก็พากันไปทำ แม้จะไม่เข้าใจลึกซึ้ง แต่เป็นกระแสที่ดี การให้ทานแบบนี้ มีสวรรค์ชั้นที่ 2 คือ สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เป็นผลแห่งทานหลังความตาย 

closeup of a hand holding a thai twenty baht bankn 2022 11 09 13 06 19 utc 1

3. ให้ทาน ด้วยความยำเกรง 

หิโรตตัปปทานัง คือ ให้ด้วยความละอาย เกรงกลัว เป็นลักษณะการให้ทานแบบทำตามประเพณี ปู่ย่าตายายเคยทำมา จึงทำด้วยสำนึกหน้าที่ ทำด้วยความเคารพ และเพื่อไม่ให้เสียประเพณี เช่น การทำบุญบ้าน การไหว้เจ้า เป็นต้น ผลบุญของทานนี้ส่งไปยังสวรรค์ที่ 3 ยามา

4. ให้ทาน เมตตาและกรุณาด้วยปัญญา

ให้ทานด้วยคิดว่า สมณะเหล่านี้ไม่หุงหากิน เราหุงหากินได้ จะไม่ให้ทานแก่สมณะเหล่านั้น ไม่สมควร ซึ่งเป็นการให้ด้วยจิตเมตตาที่ผ่านการพิจารณาด้วยปัญญา และอาจประกอบไปด้วยความละอายต่อตนอยู่ด้วย รู้ควรไม่ควรในบุคคลต่าง ๆ ผลแห่งทานนี้นำไปสู่สวรรค์ชั้นดุสิต สวรรค์ชั้นที่ 4 อันเป็นที่อยู่ของพระโพธิสัตว์ ผู้มีปัญญาประกอบด้วยเมตตาและกรุณาเสมอ 

5. ให้ทาน โดยคิดจักเป็นผู้จำแนกแจกทาน 

ทักขิเณยยทานัง คือ การให้ทานโดยยึดหลักคำสอนและตัวอย่างที่ดี เช่น พระพุทธเจ้า มหาฤาษี พระเวสสันดร อย่างการไปช่วยงานบุญ งานวัด ร่วมออกโรงทาน แจกของตามงานวัด เป็นเจ้าภาพบริจาคมูลนิธิ เป็นการให้ทานโดยไม่จำกัดผู้รับ ไม่ยึดติดในตัวบุคคล ผลแห่งทานนี้มีปลายทางคือ สวรรค์ชั้นที่ 5 คือ นิมมานรดี มีฤทธิ์มาก นึกต้องการอะไร บุญจัดสรร เนรมิตได้เอง 

a homeless man begging for help ask for a coin of 2023 05 09 22 45 25 utc 1

6. ให้ทาน สุขใจจากการให้ 

ให้ด้วยอิงอาศัยโสมนัส จิตศรัทธา เกิดความปลื้มใจ และสุขใจจากการให้ เป็นทาน โสมนัสสูปวิจารทานัง มีสวรรค์ชั้นที่ 6 ปรนิมมิตวสวัสตี เป็นปลายทางหลังความตาย มีฤทธิ์มาก มีบุญมหาศาล นึกประสงค์สิ่งใด ก็สมปรารถนา

7. ให้ทาน ขัดเกลากิเลส

การให้ทานเพื่อขัดเกลากิเลส เป็นการให้ที่พระพุทธองคทรงสรรเสริญที่สุด เพราะการให้ทั้ง 6 ข้อที่ผ่านมานั้น ถือยังไม่หลุดพ้น ยังคงเวียนว่ายตายเกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า จิตมีขึ้นมีลง ไปสวรรค์หรือลงนรกได้ เวียนไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน มนุษย์ เทวดา หรือสัตว์นรกได้ แต่สำหรับการให้ทานอลังการปริวารทานัง คือ ให้เพื่อเป็นเครื่องปรุงจิต ตายแล้วจักไปอยู่ชั้นพรหม และเมื่อสิ้นสุดจากชั้นพรหม ก็จะไม่กลับมาเกิดอีก แต่เข้าสู่อนาคามีพรหม ซึ่งเป็นปลายทางของผู้ที่ต้องการหลุดพ้น

The post ทานสูตร การให้ทาน 7 ระดับ appeared first on Sec Live News.

]]>
6956
การซ้อมอพยพหนีไฟ มีความสำคัญอย่างไร https://seclivenews.com/2022/10/25/%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%8b%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%a1%e0%b8%ad%e0%b8%9e%e0%b8%a2%e0%b8%9e%e0%b8%ab%e0%b8%99%e0%b8%b5%e0%b9%84%e0%b8%9f/ Tue, 25 Oct 2022 02:49:54 +0000 https://seclivenews.com/?p=6940 ไฟไหม้ จัดว่าเป็นภัยอันตรายร้ายแรง และสร้างความเสียหายไม่มากก็น้อย ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของระดับเพลิงไหม้ วัสดุเชื้อเพลิง และระยะเวลาการเผาไหม้ และมักจะสร้างความเสียหายจนขยายเป็นวงกว้างโดยเฉพาะเมื่อเกิดเพลิงไหม้โรงงานและอุตสาหกรรมที่มักจะมีวัสดุเป็นเชื้อเพลิงชั้นดี และสิ่งที่เลวร้ายที่สุดก็คงหนีไม่พ้น การเสียชีวิตของพนักงาน จากเหตุการณ์ไฟไหม้ อันเนื่องมาจากการไม่รู้วิธีเอาตัวรอดจากไฟไหม้ หรือขั้นตอนการอพยพหนีไฟ ดังนั้น แผนฝึกซ้อมอพยพหนีไฟจึงเป็นสิ่งสำคัญมากที่พนักงานภายในองค์กรต่าง ๆ จะต้องทราบ เพราะไม่มีใครสามารถคาดการณ์ได้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้เมื่อไร และการซ้อมหนีไฟจะเป็นการป้องกันและลดความสูญเสียจากอัคคีภัยได้เป็นอย่างดี การซ้อมอพยพหนีไฟประจำปีคืออะไร  การซ้อมอพยพหนีไฟ คือ การเตรียมความพร้อมในการรับมือเมื่อเกิดเหตุไฟไหม้ในสถานประกอบกิจการตามที่องค์กรตั้งเอาไว้ โดยกิจการในทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น บริษัท องค์กร โรงงานอุตสาหกรรม หรือแม้แต่ที่อยู่อาศัยในตึกสูงที่มีคนอยู่จำนวนมาก และมักเข้าถึงยากในการเข้าทำการดับเพลิง เพื่อให้ทุกคนได้ทราบถึงการป้องกันและระงับเหตุอัคคีภัยตามมาตรฐาน และบางแห่งอาจมีการอบรมให้ความรู้ถึงวิธีการใช้ถังดับเพลิงให้ถูกต้อง และการปฐมพยาบาลเบื้องต้น เพื่อช่วยชีวิตผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ไฟไหม้   ทำไมการจัดอบรมดับเพลิงถึงมีความสำคัญ  1. เพื่อให้เข้าใจถึงสาเหตุและการป้องกันอัคคีภัย  เพลิงไหม้ในอาคารมักจะเกิดการลุกลามได้ง่าย จากโครงสร้างบางอย่างและวัสดุเชื้อเพลิงที่ติดไฟได้ง่ายที่มักจะถูกเก็บไว้ในอาคาร เช่น กระดาษ พลาสติก ไม้ สารเคมีที่ไวไฟ เป็นต้น ผู้เข้าอบรมจึงต้องทำความเข้าใจว่าวัสดุแบบใดที่ไม่ควรเก็บสะสมไว้ในอาคาร เพื่อลดความเสี่ยงต่อการลุกลามของเพลิงไหม้  2. สามารถประเมินสถานการณ์และเอาตัวรอดจากไฟไหม้ได้  คนส่วนใหญ่ที่ไม่เคยผ่านการอบรม หรือมีการซักซ้อมหนีไฟมาก่อน มักจะตื่นตระหนกตกใจและทำอะไรไม่ถูกเมื่ออยู่ในสถานการณ์ไฟไหม้ หรือเมื่อต้องติดอยู่ภายอาคารที่ไฟกำลังลุกไหม้ ส่งผลให้ไม่สามารถควบคุมสติตนเองจนไม่สามารถหลบหนีออกจากที่เกิดเหตุและเสียชีวิตในที่สุด   ดังนั้น การพอพยพหนีไฟออกจากอาคารจำเป็นต้องได้รับการฝึกซ้อมอย่างถูกต้องและเหมาะสมต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น …

The post การซ้อมอพยพหนีไฟ มีความสำคัญอย่างไร appeared first on Sec Live News.

]]>
ไฟไหม้ จัดว่าเป็นภัยอันตรายร้ายแรง และสร้างความเสียหายไม่มากก็น้อย ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของระดับเพลิงไหม้ วัสดุเชื้อเพลิง และระยะเวลาการเผาไหม้ และมักจะสร้างความเสียหายจนขยายเป็นวงกว้างโดยเฉพาะเมื่อเกิดเพลิงไหม้โรงงานและอุตสาหกรรมที่มักจะมีวัสดุเป็นเชื้อเพลิงชั้นดี และสิ่งที่เลวร้ายที่สุดก็คงหนีไม่พ้น การเสียชีวิตของพนักงาน จากเหตุการณ์ไฟไหม้ อันเนื่องมาจากการไม่รู้วิธีเอาตัวรอดจากไฟไหม้ หรือขั้นตอนการอพยพหนีไฟ ดังนั้น แผนฝึกซ้อมอพยพหนีไฟจึงเป็นสิ่งสำคัญมากที่พนักงานภายในองค์กรต่าง ๆ จะต้องทราบ เพราะไม่มีใครสามารถคาดการณ์ได้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้เมื่อไร และการซ้อมหนีไฟจะเป็นการป้องกันและลดความสูญเสียจากอัคคีภัยได้เป็นอย่างดี

การซ้อมอพยพหนีไฟประจำปีคืออะไร 

การซ้อมอพยพหนีไฟ คือ การเตรียมความพร้อมในการรับมือเมื่อเกิดเหตุไฟไหม้ในสถานประกอบกิจการตามที่องค์กรตั้งเอาไว้ โดยกิจการในทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น บริษัท องค์กร โรงงานอุตสาหกรรม หรือแม้แต่ที่อยู่อาศัยในตึกสูงที่มีคนอยู่จำนวนมาก และมักเข้าถึงยากในการเข้าทำการดับเพลิง เพื่อให้ทุกคนได้ทราบถึงการป้องกันและระงับเหตุอัคคีภัยตามมาตรฐาน และบางแห่งอาจมีการอบรมให้ความรู้ถึงวิธีการใช้ถังดับเพลิงให้ถูกต้อง และการปฐมพยาบาลเบื้องต้น เพื่อช่วยชีวิตผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ไฟไหม้  

ทำไมการจัดอบรมดับเพลิงถึงมีความสำคัญ 

ทำไมการจัดอบรมดับเพลิงถึงมีความสำคัญ

1. เพื่อให้เข้าใจถึงสาเหตุและการป้องกันอัคคีภัย 

เพลิงไหม้ในอาคารมักจะเกิดการลุกลามได้ง่าย จากโครงสร้างบางอย่างและวัสดุเชื้อเพลิงที่ติดไฟได้ง่ายที่มักจะถูกเก็บไว้ในอาคาร เช่น กระดาษ พลาสติก ไม้ สารเคมีที่ไวไฟ เป็นต้น ผู้เข้าอบรมจึงต้องทำความเข้าใจว่าวัสดุแบบใดที่ไม่ควรเก็บสะสมไว้ในอาคาร เพื่อลดความเสี่ยงต่อการลุกลามของเพลิงไหม้ 

2. สามารถประเมินสถานการณ์และเอาตัวรอดจากไฟไหม้ได้ 

คนส่วนใหญ่ที่ไม่เคยผ่านการอบรม หรือมีการซักซ้อมหนีไฟมาก่อน มักจะตื่นตระหนกตกใจและทำอะไรไม่ถูกเมื่ออยู่ในสถานการณ์ไฟไหม้ หรือเมื่อต้องติดอยู่ภายอาคารที่ไฟกำลังลุกไหม้ ส่งผลให้ไม่สามารถควบคุมสติตนเองจนไม่สามารถหลบหนีออกจากที่เกิดเหตุและเสียชีวิตในที่สุด  

ดังนั้น การพอพยพหนีไฟออกจากอาคารจำเป็นต้องได้รับการฝึกซ้อมอย่างถูกต้องและเหมาะสมต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะการเคลื่อนย้ายคนจำนวนมากออกจากอาคารพร้อมกันจะมีความโกลาหล และอาจเกิดการได้รับบาดเจ็บจากการปะทะกับผู้อื่น หรือได้รับอันตรายจากควันไฟที่สูดดมเข้าไปทำให้หมดสติจนไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ ดังนั้นการได้รับการอบรม และได้มีการซ้อมหนีไฟจะช่วยให้เข้าใจและรู้วิธีการเอาตัวรอดได้อย่างปลอดภัย 

3. เข้าใจหลักการทำงานและสามารถใช้อุปกรณ์ระงับเหตุอัคคีภัยได้อย่างถูกต้อง 

นอกจากการอบรมในภาคความรู้แล้ว ภาคปฏิบัตินอกจากการซ้อมหนีไฟที่สำคัญอีกประการ คือ การฝึกใช้งานอุปกรณ์ดับเพลิง เพื่อใช้ในการระงับเหตุอัคคีภัยขั้นต้นได้ เช่น การเรียนรู้ระบบการทำงานของอุปกรณ์ดับเพลิง ว่าทำงานอย่างไร ทำงานเมื่อไร วิธีการใช้อุปกรณ์ดับเพลิงที่ถูกต้อง อาทิ การใช้สายส่งน้ำดับเพลิง (ที่มักจะมีอยู่ในตู้ดับเพลิงที่ทางอาคารจัดเตรียมไว้) และการฝึกดับเพลิงในระดับเบื้องต้น ที่สามารถทำได้ด้วยตนเอง เพื่อระงับเหตุก่อนลุกลามสู่ระดับรุนแรง เป็นต้น 

ควรจัดอบรมและฝึกซ้อมอพยพหนีไฟเมื่อใด 

สำหรับสถานประกอบกิจการที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป หรืออาคารสำนักงาน และอาคารสูงสำหรับที่พักอาศัย จะต้องมีการซ้อมหนีไฟปีละ 2 ครั้ง หรืออย่างน้อย 1 ครั้ง / ปี และถ้ากรณีที่มีการปรับปรุง หรือปรับเปลี่ยนโครงสร้างในบางจุดของอาคาร ที่ส่งผลต่อแผนการป้องกันและระงับเหตุอัคคีภัย นายจ้างหรือเจ้าของอาคาร จะต้องจัดอบรมระบบดับเพลิงให้กับทุกคนในอาคารอีกครั้ง เพื่อปรับปรุงข้อมูลของแผนผังอาคาร และปรับเปลี่ยนแผนการหนีไฟเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินให้ทราบโดยทั่วกัน

ขั้นตอนการซ้อมอพยพหนีไฟ 

ขั้นตอนการซ้อมอพยพหนีไฟ
  1. จำลองสถานการณ์ไฟไหม้ ด้วยการเปิดเสียงกริ่งเตือนภัย 
  2. อพยพทุกคนในอาคารด้วยช่องทางต่าง ๆ เพื่อมายังจุดรวมพล 
  3. สำรวจจำนวนพนักงาน หรือคนในอาคารทั้งหมด ว่าครบหรือไม่ 
  4. อาจมีการฝึกปฏิบัติการปฐมพยาบาลด้วย 

ถ้าไม่มีการซ้อมอพยพหนีไฟ ผิดกฏหมายหรือไม่ 

ตามพระราชบัญญัติความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. 2554 ได้ระบุไว้ว่า หากหน่วยงานราชการ หรือสถานประกอบการที่ไม่มีการซ้อมดับเพลิงและอพยพหนีไฟ จะมีความผิดตาม พ.ร.บ. และมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 400,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ รวมไปถึงโครงการบ้านจัดสรร ที่อยู่อาศัยอาคารสูง คอนโด ที่ไม่มีการฝึกซ้อมหนีไฟจะถือว่า กระทำผิดกฏหมาย เช่นกัน 

ดังนั้นไม่ว่าจะหน่วยงานราชการ องค์กรเอกชน สถานประกอบกิจการต่าง ๆ จึงต้องมีการฝึกซ้อมอพยพหนีไฟประจำปี และการเตรียมพร้อมในการรับมือเมื่อเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ เพื่อเป็นการทำความเข้าใจเมื่อเกิดสถานการณ์จริงจะต้องปฏิบัติตนอย่างไร เพื่อไม่ให้เกิดความโกลาหลและช่วยลดความสูญเสียจากเหตุอัคคีภัยได้อย่างสูงสุด

The post การซ้อมอพยพหนีไฟ มีความสำคัญอย่างไร appeared first on Sec Live News.

]]>
6940
ประโยชน์ แก้วมังกร ซุปเปอร์ฟู้ดของผู้รักสุขภาพ https://seclivenews.com/2022/10/13/%e0%b8%9b%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b9%82%e0%b8%a2%e0%b8%8a%e0%b8%99%e0%b9%8c-%e0%b9%81%e0%b8%81%e0%b9%89%e0%b8%a7%e0%b8%a1%e0%b8%b1%e0%b8%87%e0%b8%81%e0%b8%a3-%e0%b8%8b%e0%b8%b8%e0%b8%9b%e0%b9%80%e0%b8%9b/ Thu, 13 Oct 2022 05:43:39 +0000 https://seclivenews.com/?p=6925 แก้วมังกร ผลไม้โปรดของใครหลายคน สีสวย รสอร่อย ทานง่าย เป็นได้ทั้งผลไม้ และเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ เมนูสมูทตี้จะต้องมีแก้วมังกรเสมอ แถมชื่อดี ถูกจัดให้เป็นผลไม้มงคลแทบในทุกงาน โดยเฉพาะกลุ่มคนรักสุขภาพ และสาว ๆ ที่ต้องการลดน้ำหนัก มักจะมีแก้วมังกรอยู่ในเมนูในแต่ละมื้อแน่นอน  เพราะหวานน้อยแต่อร่อยมาก ช่วยลดน้ำหนัก และสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายแข็งแรงอีกด้วย  ในแก้วมังกร 1 ลูก มีแคลอรีประมาณ 66 kcal แต่ให้ใยอาหารสูงถึง 40% ที่ร่างกายต้องการในแต่ละวัน และยังมีประโยชน์อีกมากมายที่ใครหลายคนอาจนึกไม่ถึง ว่าเจ้าผลไม้เปลือกหนาสีชมพูเข้มนี้ จะมีดีมากกว่าที่คิด  ประโยชน์แก้วมังกรมีอะไรบ้าง  1. เป็นแหล่งสารต้านอนุมูลอิสระ  ในแก้วมังกรมีสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิดด้วยกัน ได้แก่  ฟลาโวนอยด์ สารต้านอนุมูลอิสระมีคุณสมบัติบำรุงสมอง ลดความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจ  สารกลุ่มไฮดรอกซีซินนาเมท มีฤทธิ์ต้านมะเร็ง จากการศึกษาในหลอดทดลองและในสัตว์ทดลอง บีตาเลน (Betalains) พบในแก้วมังกรสีแดง ช่วยป้องกันคอเลสเตอรอลเลว (LDL) จากการถูกออกซิไดซ์ของอนุมูลอิสระ  2. มีไฟเบอร์สูง  แก้วมังกรมีไฟเบอร์สูงมาก ช่วยในการขับถ่าย ป้องกันโรคหัวใจ หลอดเลือดหัวใจตีบ และช่วยรักษาความดันโลหิตให้อยู่ในระดับที่ดี  3. …

The post ประโยชน์ แก้วมังกร ซุปเปอร์ฟู้ดของผู้รักสุขภาพ appeared first on Sec Live News.

]]>
แก้วมังกร ผลไม้โปรดของใครหลายคน สีสวย รสอร่อย ทานง่าย เป็นได้ทั้งผลไม้ และเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ เมนูสมูทตี้จะต้องมีแก้วมังกรเสมอ แถมชื่อดี ถูกจัดให้เป็นผลไม้มงคลแทบในทุกงาน โดยเฉพาะกลุ่มคนรักสุขภาพ และสาว ๆ ที่ต้องการลดน้ำหนัก มักจะมีแก้วมังกรอยู่ในเมนูในแต่ละมื้อแน่นอน 

เพราะหวานน้อยแต่อร่อยมาก ช่วยลดน้ำหนัก และสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายแข็งแรงอีกด้วย 

ในแก้วมังกร 1 ลูก มีแคลอรีประมาณ 66 kcal แต่ให้ใยอาหารสูงถึง 40% ที่ร่างกายต้องการในแต่ละวัน และยังมีประโยชน์อีกมากมายที่ใครหลายคนอาจนึกไม่ถึง ว่าเจ้าผลไม้เปลือกหนาสีชมพูเข้มนี้ จะมีดีมากกว่าที่คิด 

ประโยชน์แก้วมังกรมีอะไรบ้าง 

1. เป็นแหล่งสารต้านอนุมูลอิสระ 

ในแก้วมังกรมีสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิดด้วยกัน ได้แก่ 

  • ฟลาโวนอยด์ สารต้านอนุมูลอิสระมีคุณสมบัติบำรุงสมอง ลดความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจ 
  • สารกลุ่มไฮดรอกซีซินนาเมท มีฤทธิ์ต้านมะเร็ง จากการศึกษาในหลอดทดลองและในสัตว์ทดลอง
  • บีตาเลน (Betalains) พบในแก้วมังกรสีแดง ช่วยป้องกันคอเลสเตอรอลเลว (LDL) จากการถูกออกซิไดซ์ของอนุมูลอิสระ 
Beautiful woman with healthy body on white background

2. มีไฟเบอร์สูง 

แก้วมังกรมีไฟเบอร์สูงมาก ช่วยในการขับถ่าย ป้องกันโรคหัวใจ หลอดเลือดหัวใจตีบ และช่วยรักษาความดันโลหิตให้อยู่ในระดับที่ดี 

Woman hands touching belly and stomach painful suffering from chronic gastritis on white background. Healthcare concept.

3. เสริมลำไส้ให้แข็งแรง 

แก้วมังกรมีพรีไบโอติก ซึ่งเป็นไฟเบอร์ชนิดหนึ่งที่ช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่ดีต่อสุขภาพลำไส้ ลดความเสี่ยงการติดเชื้อในทางเดินอาหาร และยังช่วยบรรเทาอาการท้องร่วง 

4. ช่วยต่อสู้กับโรคเรื้อรัง 

สารต้านอนุมูลอิสระในแก้วมังกรช่วยป้องกันความเสียหายของเซลล์จากอนุมูมอิสระ ที่เชื่อมโยงกับโรคเรื้อรัง เช่น โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคข้ออักเสบ เป็นต้น 

Sport, wellbeing and active lifestyle concept. Portrait of smiling slim and strong asian fitness girl, personal workout trainer showing muscles, flexing biceps and look proud, white background.

5. เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง 

แก้วมังกรมีวิตามินซีและแคโรทีนอยด์ ช่วยเพิ่มความแข็งแรงและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย ป้องกันการติดเชื้อโดยการบำรุงเซลล์เลือดขาวให้แข็งแรงอยู่เสมอ 

Close-up of smiling female holding red heart

6. บำรุงหัวใจ 

ไฟเบอร์และสารต้านอนุมูลอิสระในแก้วมังกร ช่วยบำรุงหัวใจให้แข็งแรง ช่วยต่อสู้กับจุลินรีย์ที่เป็นสาเหตุของหลอดเลือดแดงอุดตัน และช่วยรักษาความสมดุลให้กับระบบการไหลเวียนของเลือดภายในร่างกาย 

7. อุดมด้วยสารอาหารต่าง ๆ 

แก้วมังกรอุดมด้วยธาตุอาหารหลายชนิด ได้แก่ 

  • ธาตุเหล็ก ช่วยเสริมสร้างเซลล์เม็ดเลือด ป้องกันโรคโลหิดจาง เสริมสร้างให้กล้ามเนื้อแข็งแรง 
  • แคลเซียม ช่วยบำรุงกระดูก 
  • โพแทสเซียม ปรับความเป็น กรด-ด่าง ในร่างกายให้สมดุล ลดความดันโลหิต กำจัดของเสียในร่างกาย 
  • แมกนีเซียม ช่วยบำรุงประสาท และระบบการทำงานของกล้ามเนื้อ ปรับสมดุลกรดในกระเพาะ

8. บำรุงสุขภาพผิว 

สารต้านอนุมูลอิสระ และวิตามินต่าง ๆ ในแก้วมังกร ช่วยบำรุงผิวให้เปล่งปลั่ง เต่งตึง ช่วยดูแลในเรื่องของสิว ผิวไหม้แดด ทำให้คลินิกด้านผิวพรรณ และคลินิกเสริมความงามมักจะนำแก้วมังกรมาใช้เป็นส่วนผสมในการดูแลผิวให้กับลูกค้า และสาว ๆ หลายคนก็นิยมนำแก้วมังกรไปพอกหน้าเช่นกัน 

The post ประโยชน์ แก้วมังกร ซุปเปอร์ฟู้ดของผู้รักสุขภาพ appeared first on Sec Live News.

]]>
6925
กิจกรรมวันออกพรรษามีอะไรบ้าง และพิธีปวารณาคืออะไร  https://seclivenews.com/2022/10/10/%e0%b8%81%e0%b8%b4%e0%b8%88%e0%b8%81%e0%b8%a3%e0%b8%a3%e0%b8%a1%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%99%e0%b8%ad%e0%b8%ad%e0%b8%81%e0%b8%9e%e0%b8%a3%e0%b8%a3%e0%b8%a9%e0%b8%b2%e0%b8%a1%e0%b8%b5%e0%b8%ad%e0%b8%b0/ Mon, 10 Oct 2022 03:12:17 +0000 https://seclivenews.com/?p=6909 วันออกพรรษา 2565 ตรงกับวันที่ 10 ตุลาคม ซึ่งเป็นวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 ซึ่งนับเป็นวันสิ้นสุดการภาวนาจำพรรษาของพระภิกษุ-สามเณร เป็นเวลา 3 เดือน เป็นอีกวันสำคัญทางศาสนาและยังมีประเพณีอันดีงามที่ปฏิบัติควบคู่ในวันนี้ ซึ่งสืบทอดต่อกันมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย  กิจกรรมในวันออกพรรษา โดยในวันออกพรรษานี้ เหล่าภิกษุ-สามเณรจะมีการทำสังฆกรรมใหญ่ซึ่งเป็นกิจกรรมของสงฆ์ และก็มีกิจกรรมร่วมกันของฝ่ายฆราวาสในการร่วมบำเพ็ญบุญกุศล เพื่อสีบสานประเพณีและคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของชาวไทยพุทธเอาไว้ ดังนี้  1. ตักบาตรเทโว  การตักบาตรเทโวจะมีการจัดขึ้นที่วัดทุกแห่ง รวมไปถึงการนิมนต์พระสงฆ์ไปยังสถานที่ต่าง ๆ เช่น โรงเรียน มหาวิทยาลัย สำนักงาน เพื่อให้นักเรียน นักศึกษา และพนักงานได้มีโอกาสทำบุญด้วยการเตรียมข้าวสารอาหารแห้ง เป็นการอำนวยความสะดวกในการสร้างกุศลให้กับฆราวาสทั่วไป ที่อาจไม่สามารถไปทำบุญที่วัดได้เนื่องจากติดภารกิจหน้าที่ประจำวัน  2. การฟังเทศน์มหาชาติ ความเชื่อของชาวไทยพุทธที่มีมาแต่โบราณ หากได้ฟังเทศน์มหาชาติจบ 13 กัณฑ์ภายในวันเดียว จะได้รับผลบุญกุศลเป็นอย่างมาก  3. ทอดกฐิน  ทอดกฐินหรือทอดผ้าป่า จัดว่าเป็นการทำทานที่พิเศษ เนื่องจากสามารถถวายกฐินได้เพียงปีละครั้งเท่านั้น โดยจะนิยมทำกันในช่วงเดือน 11 ถึงเดือน 12 เท่านั้น  4. ปฏิบัติธรรมและฟังธรรมเทศนา  …

The post กิจกรรมวันออกพรรษามีอะไรบ้าง และพิธีปวารณาคืออะไร  appeared first on Sec Live News.

]]>
วันออกพรรษา 2565 ตรงกับวันที่ 10 ตุลาคม ซึ่งเป็นวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 ซึ่งนับเป็นวันสิ้นสุดการภาวนาจำพรรษาของพระภิกษุ-สามเณร เป็นเวลา 3 เดือน เป็นอีกวันสำคัญทางศาสนาและยังมีประเพณีอันดีงามที่ปฏิบัติควบคู่ในวันนี้ ซึ่งสืบทอดต่อกันมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย 

กิจกรรมในวันออกพรรษา

โดยในวันออกพรรษานี้ เหล่าภิกษุ-สามเณรจะมีการทำสังฆกรรมใหญ่ซึ่งเป็นกิจกรรมของสงฆ์ และก็มีกิจกรรมร่วมกันของฝ่ายฆราวาสในการร่วมบำเพ็ญบุญกุศล เพื่อสีบสานประเพณีและคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของชาวไทยพุทธเอาไว้ ดังนี้ 

1. ตักบาตรเทโว 

การตักบาตรเทโวจะมีการจัดขึ้นที่วัดทุกแห่ง รวมไปถึงการนิมนต์พระสงฆ์ไปยังสถานที่ต่าง ๆ เช่น โรงเรียน มหาวิทยาลัย สำนักงาน เพื่อให้นักเรียน นักศึกษา และพนักงานได้มีโอกาสทำบุญด้วยการเตรียมข้าวสารอาหารแห้ง เป็นการอำนวยความสะดวกในการสร้างกุศลให้กับฆราวาสทั่วไป ที่อาจไม่สามารถไปทำบุญที่วัดได้เนื่องจากติดภารกิจหน้าที่ประจำวัน 

2. การฟังเทศน์มหาชาติ

ความเชื่อของชาวไทยพุทธที่มีมาแต่โบราณ หากได้ฟังเทศน์มหาชาติจบ 13 กัณฑ์ภายในวันเดียว จะได้รับผลบุญกุศลเป็นอย่างมาก 

3. ทอดกฐิน 

ทอดกฐินหรือทอดผ้าป่า จัดว่าเป็นการทำทานที่พิเศษ เนื่องจากสามารถถวายกฐินได้เพียงปีละครั้งเท่านั้น โดยจะนิยมทำกันในช่วงเดือน 11 ถึงเดือน 12 เท่านั้น 

4. ปฏิบัติธรรมและฟังธรรมเทศนา 

มีการบรรยายธรรมตามสถานที่สำคัญต่าง ๆ เช่น วัด โรงเรียน ลานชุมชน ฯลฯ เพื่อให้ความรู้แก่ประชาชนให้เข้าใจแก่นแท้หลักศาสนาพุทธ และมีกิจกรรมทางศาสนา เช่น การเจริญสมาธิ ภาวนา ทำบุญในรูปแบบต่าง ๆ 

5. อุทิศส่วนบุญกุศลให้ญาติผู้ล่วงลับ 

พุทธศาสนิกชนส่วนใหญ่มักนิยมทำบุญตักบาตร เพื่ออุทิศส่วนบุญให้แก่ผู้ล่วงลับไปแล้ว เพราะเชื่อว่าดวงจิตวิญญาณทุกดวงจะสามารถรับกุศลได้เต็มที่ในวันนี้ เนื่องจากเป็นวันที่ทั้ง 3 ภพ อันได้แก่ สวรรค์ มนุษย์ และ นรก  เปิดถึงแก่กันในวันที่พระพุทธเจ้าเสด็จกลับลงมาจากการโปรดมารดาและเทวดาทั้งปวง 

วัตถุประสงค์วันออกพรรษา

ครั้นในสมัยพุทธกาล เมื่อสิ้นสุดของการเข้าพรรษา ซึ่งหมดฤดูฝนในระยะเวลา 3 เดือนแล้วนั้น พุทธสาวกที่ได้จำพรรษาในทุกแห่งหนจะพากันเดินทางเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า โดยพระพุทธองค์จะทรงตรัสถามถึงสิ่งพระภิกษุได้ประพฤติปฏิบัติระหว่างจำพรรษา แต่มีพระภิกษุกลุ่มหนึ่งได้ทำการ มูควัตร (การปิดวาจาไม่พูด) เนื่องจากตั้งกกกติกากันเองว่าจะไม่พูดจากันเพราะเกรงว่าจะทะเลาะวิวาทกันระหว่างจำพรรษา เมื่อพระพุทธเจ้าทรงทราบก็ได้ทรงตำหนิ ว่าการทำ มูควัตร นี้เป็นเรื่องไร้ประโยชน์ เป็นการพระพฤติเหมือนพฤติกรรมเหมือนสัตว์ ดังเช่น ไก่ แกะ แพะ วัว ที่อยู่ด้วยกันก็ไม่ถามไถ่ทุกข์สุขของกันและกัน 

พระพุทธเจ้าได้ทรงสั่งสอนแก่เหล่าพระภิกษุทั้งหลายที่มาเข้าเฝ้าว่า ผู้เจริญแล้วจักไม่ควรพึงประพฤติตนเช่นนั้น จากนั้นได้ทรงวางระเบียบวินัยให้เป็นหลักปฏิบัติสืบต่อกันมา โดยให้ภิกษุที่จำพรรษาครบ 3 เดือนแล้วทำปวารณาแทนอุโบสถสังฆกรรมในวันออกพรรษา และจักทำด้วยเมตตาจิตปรารถนาดีต่อผู้ถูกตักเตือน ทั้งด้านกาย วาจา และใจ ส่วนผู้ถูกกล่าวเตือนก็ต้องมีใจเปิดกว้าง มองเห็นถึงความปรารถนาดีของผู้ตักเตือนและพิจารณาตามคำเตือนนั้นด้วยใจที่นอบน้อม หากเป็นเรื่องจริงก็นำไปปรับปรุง และเรื่องใดที่ไม่เป็นจริงหรือเป็นการเข้าใจที่คลาดเคลื่อน ก็สามารถชี้แจงแสดงเหตุผลเพื่อทำความกระจ่างต่อกัน เพราะการทำปวารณานี้มีจุดประสงค์เพื่อสร้างความสามัคคีในหมู่สงฆ์

โดยพระพุทธเจ้าได้ทรงมีพระบรมพุทธนุญาตให้ภิกษุที่ทำการปวารณาต่อกันกล่าวคำ ดังนี้ อนุชานามิ ภิกขะเว วัสสัง วุตถานัง ภิกขูนัง ตีหิ ฐาเนหิ ปะวาเรตุง ทิฏเฐนะ วา สุเตนะ วา ปะริสังกายะ วา  แปลว่า “ภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้ภิกษุผู้จำพรรษาแล้ว ปวารณากันในสามลักษณะ คือ ด้วยการเห็นก็ดี ด้วยการได้ยินก็ดี ด้วยการสงสัยก็ดี”

วันปวารณา หมายถึงวันใด 

วันออกพรรษาเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า วันปวารณา การทำมหาปวารณา เป็นการสังฆกรรมอย่างหนึ่งแทนการสวดพระปาฏิโมกข์ (พระวินัย) ซึ่งมีการทำกันทุก ๆ 15 วัน ในช่วงเข้าพรรษา โดยวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 เป็นวันที่ครบกำหนดทางพระวินัยที่พระภิกษุและสามเณร ได้ภาวนาอธิษฐานอยู่จำพรรษา ณ ที่ใดที่หนึ่งตลอดช่วงฤดูฝน 3 เดือน โดยเริ่มการจำพรรษาในวันแรม 1 ค่ำ เดือน 8 (หรือ เดือน 9 หากเข้าพรรษาหลัง) แล้วอยู่ประจำที่แห่งนั้นและไปสิ้นสุดในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 (หรือ เดือน 12 กรณีเข้าพรรษาหลัง) 

เมื่อถึงวันแห่งการสิ้นสุดในการจำพรรษาร่วมกันมาระหว่างภิกษุและสามเณรในที่แห่งเดียวกัน จะมีการประกอบพิธีทำสังฆกรรม เรียกว่า วันมหาปวารณา คือ วันที่พระภิกษุสงฆ์ทุกรูปได้มีการกล่าวตักเตือนในความประพฤติต่าง ๆ ตั้งแต่พระสังฆเถระ คือ พระภิกษุผู้อาวุโสลงมาตลอดถึงสามเณร และได้กล่าวตักเตือนต่อกันด้วยเมตตาจิต และสามารถซักถามข้อสงสัยซึ่งกันและกัน

แนวทางการปฏิบัติตนในวันออกพรรษาสำหรับพุทธศาสนิกชน 

1. การกล่าวตักเตือนซึ่งกันและกัน โดยตักตักเตือนด้วยความปรารถนาดีต่อกัน น้อมรับฟัง ปรับปรุง และชี้แจงต่อกันเพื่อทำความเข้าใจให้กระจ่าง เพื่อสร้างความสามัคคีต่อกันในหมู่คณะ 

2. ให้ทาน ถวายภัตตาหารแด่พระภิกษุ สามเณร ตักบาตร บริจาคทรัพยช่วยเหลือคนหรือสัตว์ยากไร้ บำเพ็ญสาธารณประโยชน์ 

3. รักษาศีล 5 หรือ ศีล 8  สำรวมกาย วาจา ใจ พร้อมทั้งบำเพ็ญเบญจธรรม 

4. ปฏิบัติธรรม การบำเพ็ญสมาธิ เจริญภาวนา ไหว้พระ สวดมนต์ วิปัสนาตามแนวสติปัฏฐาน 4 

The post กิจกรรมวันออกพรรษามีอะไรบ้าง และพิธีปวารณาคืออะไร  appeared first on Sec Live News.

]]>
6909