การให้ ตามหลักศาสนา อันหมายถึง ทาน ซึ่งพุทธศาสนิกชนส่วนใหญ่มีความเชื่อผลของการให้ทานที่อาจแตกต่างกันไป แต่ในพระไตรปิฏก พระพุทธองค์ได้กล่าวว่า ทาน มี 7 ระดับ ด้วยกัน แต่จะมีอะไรกันบ้าง เลื่อนไปอ่านข้างล่างได้เลย
การให้ทาน 7 ระดับ
1. ให้ทาน หวังผลแห่งทาน
มุ่งสั่งสมบุญทาน เพราะคิดว่าตายไปแล้วจะได้เสวยผลแห่งทานนี้ เมื่อตายไปแล้วจะไปสู่สวรรค์ชั้นที่ 1 คือ จาตุมหาราชิกา อันได้แก่ พระภูมิเจ้าที่ รุขเทวดา เทพารักษ์ อีกส่วนแยกไปบนยอดเขายุคลธร ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเขาสัตตบริภัณฑ์ที่รายล้อมเขาพระสุเมรุ
2. ให้ทาน เห็น ทานเป็นการดี
ให้ทาน ด้วยคิดว่า การให้ทานเป็นการดี เป็นลักษณะการทำตาม ๆ กันไป เขาบอกว่าดี ก็พากันไปทำ แม้จะไม่เข้าใจลึกซึ้ง แต่เป็นกระแสที่ดี การให้ทานแบบนี้ มีสวรรค์ชั้นที่ 2 คือ สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เป็นผลแห่งทานหลังความตาย
3. ให้ทาน ด้วยความยำเกรง
หิโรตตัปปทานัง คือ ให้ด้วยความละอาย เกรงกลัว เป็นลักษณะการให้ทานแบบทำตามประเพณี ปู่ย่าตายายเคยทำมา จึงทำด้วยสำนึกหน้าที่ ทำด้วยความเคารพ และเพื่อไม่ให้เสียประเพณี เช่น การทำบุญบ้าน การไหว้เจ้า เป็นต้น ผลบุญของทานนี้ส่งไปยังสวรรค์ที่ 3 ยามา
4. ให้ทาน เมตตาและกรุณาด้วยปัญญา
ให้ทานด้วยคิดว่า สมณะเหล่านี้ไม่หุงหากิน เราหุงหากินได้ จะไม่ให้ทานแก่สมณะเหล่านั้น ไม่สมควร ซึ่งเป็นการให้ด้วยจิตเมตตาที่ผ่านการพิจารณาด้วยปัญญา และอาจประกอบไปด้วยความละอายต่อตนอยู่ด้วย รู้ควรไม่ควรในบุคคลต่าง ๆ ผลแห่งทานนี้นำไปสู่สวรรค์ชั้นดุสิต สวรรค์ชั้นที่ 4 อันเป็นที่อยู่ของพระโพธิสัตว์ ผู้มีปัญญาประกอบด้วยเมตตาและกรุณาเสมอ
5. ให้ทาน โดยคิดจักเป็นผู้จำแนกแจกทาน
ทักขิเณยยทานัง คือ การให้ทานโดยยึดหลักคำสอนและตัวอย่างที่ดี เช่น พระพุทธเจ้า มหาฤาษี พระเวสสันดร อย่างการไปช่วยงานบุญ งานวัด ร่วมออกโรงทาน แจกของตามงานวัด เป็นเจ้าภาพบริจาคมูลนิธิ เป็นการให้ทานโดยไม่จำกัดผู้รับ ไม่ยึดติดในตัวบุคคล ผลแห่งทานนี้มีปลายทางคือ สวรรค์ชั้นที่ 5 คือ นิมมานรดี มีฤทธิ์มาก นึกต้องการอะไร บุญจัดสรร เนรมิตได้เอง
6. ให้ทาน สุขใจจากการให้
ให้ด้วยอิงอาศัยโสมนัส จิตศรัทธา เกิดความปลื้มใจ และสุขใจจากการให้ เป็นทาน โสมนัสสูปวิจารทานัง มีสวรรค์ชั้นที่ 6 ปรนิมมิตวสวัสตี เป็นปลายทางหลังความตาย มีฤทธิ์มาก มีบุญมหาศาล นึกประสงค์สิ่งใด ก็สมปรารถนา
7. ให้ทาน ขัดเกลากิเลส
การให้ทานเพื่อขัดเกลากิเลส เป็นการให้ที่พระพุทธองคทรงสรรเสริญที่สุด เพราะการให้ทั้ง 6 ข้อที่ผ่านมานั้น ถือยังไม่หลุดพ้น ยังคงเวียนว่ายตายเกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า จิตมีขึ้นมีลง ไปสวรรค์หรือลงนรกได้ เวียนไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน มนุษย์ เทวดา หรือสัตว์นรกได้ แต่สำหรับการให้ทานอลังการปริวารทานัง คือ ให้เพื่อเป็นเครื่องปรุงจิต ตายแล้วจักไปอยู่ชั้นพรหม และเมื่อสิ้นสุดจากชั้นพรหม ก็จะไม่กลับมาเกิดอีก แต่เข้าสู่อนาคามีพรหม ซึ่งเป็นปลายทางของผู้ที่ต้องการหลุดพ้น